MGR Online - ตำรวจสืบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ใช้เวลา 5 ชม. รวบหนุ่มหลอกจำนำทอง ก่อนตามเงินคืนเจ้าของร้าน 5.2 แสน อ้างถูกคนรู้จักในโซเชียลฯ เคยทำมาแล้ว 7 ครั้ง
วันนี้ (16 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (15 ธ.ค.)
เมื่อเวลา 22.00 น. พล.ต.ต.เกียรติคุณ สนธิเณร ผบก.น.2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ยุทธศิลป์ การินทร์ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง สั่งการให้ พ.ต.ท.ปกป้อง ฟองเลา รอง ผกก.สส.สน.ทุ่งสองห้อง , พ.ต.ท.รัชพล เหลากลม สว.สส.สน. , ร.ต.อ.อมรพล เทพหัตถี , ร.ต.ท.อภิรมณ์ ชาวโพธิ์สระ , ร.ต.ต.ชัชวาลย์ กระจับหอม , ร.ต.ต.นันทวัฒน์ ประสิทธิ์สิเศษ รอง สว.สส.สน.ทุ่งสองห้อง กำลังฝ่ายสืบสวน ทำการสืบสวนและจับกุม นายวิชญ์ศรุต (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ชาว จ.อุทัยธานี พร้อมของกลาง ชุดที่ใส่ก่อดหตุ สร้อยข้อมือวัสดุโลหะสีทองคำที่คนร้ายสวมใส่ขณะก่อเหตุ จำนวน 1 เส้น ทองคำรูปพรรณ ( ปลอม ) หนัก 10 บาท จำนวน 1 เส้น และเงินสดจำนวน 520,000 บาท และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อมาสด้า รุ่นมาสด้า 2 จำนวน 1 คัน โดยจับกุมได้บริเวณเชิงสะพานพิบูลสงคราม ถนนประชาราษฎร์สาย1 แขวงบางชื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ
โดยก่อนการจับกุมเวลาประมาณ ฝ่ายสืบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สน.ทุ่งสองห้อง ว่ามีเหตุคนร้ายนำสร้อยคอทองคำปลอมมาหลอกจำนำ ให้กับร้านทองแห่งหนึ่งใกล้ห้างสรรพสินค้าชื่อดังริมถนนแจ้งวัฒนะ โดยคนร้ายได้เงินสดจากการจำนำทองคำปลอมไปเป็นเงินจำนวน 520,000 บาท
ภายหลังได้รับแจ้งตำรวจฝ่ายสืบสวน ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่ไปตรวจสอบร้านทองดังกล่าว โดยทางเจ้าของร้านได้นำสร้อยคอทองคำปลอมของกลาง และข้อมูลบัตรประชาชนที่คนร้ายนำมาเป็นหลักฐานในการจำนำให้กับเจ้าหน้าที่ และจากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดภายในร้าน จนทราบว่าคนร้ายรายนี้ คือ นายวิชญ์ศรุต (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ได้ขับรถเก๋งยี่ห้อมาสด้า รุ่นมาสด้า 2 มาจอดที่ริมถนน ก่อนจะเดินเข้ามาที่ร้านแล้วถอดสร้องคอทองคำปลอมที่สวมอยู่ที่คอออกมาให้ทางร้านเพื่อขอจำนำ และหลังจากทางร้านได้ตรวจสอบแล้วจึงนำเงินสดจำนวน 520,000 บาท ส่งให้คนร้ายเมื่อได้เงินก็เดินออกจากร้านไป
จากแนวทางการสืบสวนพบว่าคนร้ายได้หลบหนีไปพักอาศัยอยู่บ้านหลังหนี่งใกล้เชิงสะพานพิบูลสงคราม ถนนประชาราษฎร์สาย 1 จึงเดินทางไปตรวจสอบและพบชายซึ่งมีลักษณะรูปพรรณ รวมถึงการแต่งกายตรงกับภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด ฝ่ายสืบสวนจึงได้เข้าไปแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอตรวจสอบ พบว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับข้อมูลที่ทางร้านทองแจ้งไว้
ซึ่งจากการซักถามเบื้องต้น นายวิชญ์ศรุต ยอมรับว่าได้นำสร้อยคอทองคำปลอมไปจำนำที่ร้านทองดังกล่าวจริง แต่ให้การวงวนเรื่องเงินที่ได้จากการจำนำจำนวน 520,000 บาทอยู่ที่ไหน เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวมาทำการสอบสวนต่อที่ สน.ทุ่งสองห้อง ก่อนจะให้การยอมรับและนำเงินมาคืน พร้อมยอมรับว่ามีคนที่รู้จักกันในโซเชียลให้นำทองไปจำนำกับร้านทองซึ่งเขาจะระบุมาว่าจะให้ไปที่ร้านไหน และเคยนำทองปลอมไปจำนำกับร้านทองก่อนหน้านี้มา 7 ครั้ง ในพื้นที่ลาดพร้าว บางแสน พัทยา สัตหีบ
ส่วนทองที่นำมาก่อเหตุนั้นคนจ้างเป็นคนหามาให้โดยจะให้ตนเองไปเอาตามจุดที่วางไว้ ซึ่งทุกครั้งจะเป็นเส้นละ 10 บาท และจะเป็นการจำนำ ไม่ได้ขายขาด เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของทางร้าน เพราะรู้ว่าร้านไม่กล้าขูดตัวเา้นทองที่จะทำให้ทองเกิดความเสียหาย ซึ่งจะมีส่วนที่เป็นทองแท้เพียงแค่ตัวตะขอที่ทางร้านจะตรวจ และก่อนหน้าที่จะมาร้านนี้คนจ้างได้บอกให้ไปที่ร้านแรกย่าน ม.ธุรกิจ แต่กลับเปลี่ยนใจให้มาที่ร้านนี้ ซึ่งตนจะแต่ตัวให้ดูหรู ใส่สร้อยข้อมือเส้นใหญ่ ใส่แหวนทองวงใหญ่ เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ แล้วนำทองคำรูปพรรณปลอม น้ำหนัก 10 บาท ที่คอออกมาจำนำโดยทางร้านให้ในราคาบาทละ 52,000 บาท รวมเป็นเงินกว่า 520,000 บาท
ด้าน เจ้าของร้านยอมรับว่า ทางร้านผิดพลาดในการตรวจสอบจริง แต่โดยปกติแล้วร้านทองจะไม่ได้ค่อยกล้าขูดหรือตัดตัวสร้องที่ลูกค้ามาจำนำเพร่ะความเสียหายจะสูง ส่วนเส้นนี้ทำไมถึงยอมรับจำนำไว้ เนื่องจากตรวจสอบด้วยตา หรือชั่งน้ำหนักจะไม่มีความแตกต่างจากของจริง และเมื่อตรวจสอบรายละเอียดก็พบว่ามีตราประทับของร้านทองชื่อดัง และเมื่อทำการตรวจสอบที่ตะขอด้วยน้ำยาก็เป็นทองจริง แต่ถ้าหากลูกค้านำมาขายทางร้านก็สามารถตัดสินใจตัดเพื่อดูแกนกลางหรือเผาหลอมได้เลย เชื่อว่าทองที่นำมาหลอกต้องเป็นช่างทองที่มีความชำนาญ และทำทองในลักษณะนี้มาหลอกร้านทองโดยเฉพาะ ซึ่งก็ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนที่ทำงานไวจับคนร้ายพร้อมนำเงินกลับมาคืนได้ครบตามจำนวน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ทำการขอตรวจปัสสาวะ ซึ่งผู้ต้องหายอมรับเองว่าเสพยาไอซ์มา และยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเนื่องจากมีการจับกุมในลักษณะเดียวกันทั้งน้ำหรักทอง รูปแบบทอง อีกหลายพื้นที่ ซึ่งอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกันหรือไม่ ก่อนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ดำเนินคดีในข้อหา ฉ้อโกงทรัพย์ และ เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยผิดกฎหมายต่อไป


