สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เอาจริง สั่งเข้มตำรวจจราจรตรวจวัดควันดำทั่วประเทศ ช่วยลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ล่าสุดจับกุมดำเนินคดีแล้วกว่า 9 พันราย
วันนี้ (3 ธ.ค.) พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศจร.ตร.) เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบ.ตร.ในฐานุผอ.ศจร.ตร. มีความห่วงใยประชาชนในช่วงเข้าสู่ฤดูหนาวของทุกปีในประเทศไทย โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะต้องเผชิญกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน โดยแหล่งกำเนิด PM2.5 หลักๆ ในประเทศไทย มี 3 อย่าง คือ จากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ที่นำมาขับขี่บนท้องถนน, การเผาในที่โล่งแจ้ง และสภาพความกดอากาศต่ำ จึงมีมาตรการให้กองบังคับการตำรวจจราจรบูรณาการกับกรุงเทพมหานคร, กรมการขนส่งทางบก และกรมควบคุมมลพิษ ร่วมตั้งจุดกวดขันจับกุมยานพาหนะที่ก่อมลพิษทางอากาศ (ควันดำ) เข้มงวดจำนวน 15 จุด ทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยมีเป้าหมายในการร่วมมือป้องกันและลดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่มีค่าสูงขึ้น จนเป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชน
สำหรับผลการปฏิบัติของกองบังคับการตำรวจจราจร ตั้งแต่ เดือนตุลาคม ถึงพฤศจิกายน 2568 มีการจับกุมรถที่มีควันดำ เกินค่ามาตรฐานและก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศไปแล้ว จำนวน 9,770 ราย ซึ่งหากพบการกระทำความผิดจะถูกบังคับใช้กฎหมายเข้มงวดดังนี้
- กรณีรถยนต์ทุกประเภท ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ 2522 มาตรา 10 จะถูกห้ามใช้รถ (ชั่วคราว) ปรับไม่เกิน 4,000 บาท หากไม่แก้ไขภายใน 60 วันจะถูกห้ามใช้เด็ดขาด
- รถยนต์ขนาดใหญ่ เช่น รถบรรทุก รถโดยสาร-รถประจำทาง ตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 71 บทกำหนดโทษ มาตรา 148 ห้ามใช้รถเด็ดขาด และ ปรับไม่เกิน 50,000 บาท
ศจร.ตร.จึงขอประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนและภาคเอกชน ผู้ประกอบการรถบรรทุกต่างๆ ได้รับทราบ ขอความร่วมมือกันตรวจเช็กสภาพเครื่องยนต์ของยานพาหนะของท่านให้มีความพร้อมในการใช้งาน และมีค่าควันดำอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศ
หากพบเห็นรถที่มีควันดำจนก่อให้มลพิษ หรือเหตุฉุกเฉิน อุบัติเหตุ สามารถแจ้งหรือติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร 1197, สายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 หรือสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 191 และ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


