MGR Online - "พ.ต.ท.ประวุธ" เผย ข้าราชการในสังกัดกรมราชทัณฑ์ กว่า 12,000 คน มีโอกาสเสี่ยงต้องมีมาตรการป้องกัน หลังคดี "คุกวีไอพี" ทำองค์กรเสียหาย
วันนี้ (2 ธ.ค.) ที่กรมราชทัณฑ์ จ.นนทบุรี พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยกรณีกระแสข่าวผู้ต้องขังชาวจีนจ่ายส่วนให้เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แลกกับสิทธิพิเศษให้หญิงชาวจีน 2 คน เข้ามาบริการในห้องลับ "คุกวีไอพี" ว่า ข้าราชการทุกคนมีโอกาสสัมผัสกับเรื่องลักษณะนี้ค่อนข้างมาก มีโอกาสสัมผัสกับเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากเรือนจำฯ เป็นสถานที่ที่มีการจำกัดสิทธิของบุคคลต่างๆ ดังนั้น สิ่งเหล่านี้กรมราชทัณฑ์จะต้องหามาตรการป้องกันให้ได้ เพราะตนเองไม่อยากดำเนินการกับข้าราชการที่ทุจริต แต่การป้องกันเป็นสิ่งที่ดีกว่า ซึ่งกรมราชทัณฑ์ที่มีข้าราชการในสังกัดกว่า 12,000 คน ก็คาดหวังว่าทุกคนจะไม่ทุจริต เพราะเป็นเรื่องที่เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติและองค์กร
พ.ต.ท.ประวุธ เผยว่า สำหรับข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกระทำผิดจะต้องมีบทลงโทษแน่นอน เพราะเกิดความเสียหายแก่องค์กร โดยได้ดำเนินการเรื่องนี้ไปแล้ว และให้เป็นไปตามพยานหลักฐาน ทั้งนี้ มีหลายหน่วยงานที่มีหน้าที่เข้ามาตรวจสอบการทุจริตเรื่องนี้ เช่น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมถึง หน่วยงานอื่นๆ ก็สามารถที่จะเข้ามาตรวจสอบเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ถูกกล่าวหาได้ ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบ ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และทางกรมราชทัณฑ์จะให้ดีเอสไอเป็นผู้พิจารณาดำเนินการเลยหากพบการกระทำความผิด ก็ให้ว่าไปตามกฎหมาย
ด้านแหล่งข่าวระดับสูงของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างการสืบสวน ซึ่งคณะทำงานก็จะต้องสอบปากคำเจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงนายมานพ ชมชื่น อดีตผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งดีเอสไอกำลังเร่งดำเนินการอยู่
ส่วนกระแสข่าวที่ นายมานพ เดินทางไปต่างประเทศนั้น ดีเอสไอขอตรวจสอบก่อน แต่ยืนยันว่าแม้ตัวจะอยู่ต่างประเทศก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการตรวจสอบ เพราะดีเอสไอตรวจสอบตามพยานหลักฐาน ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายมานพ ว่าเชื่อมโยงถึงใครบ้างนั้น ดีเอสไอก็เพิ่งจะได้รับข้อมูลมา ซึ่งคณะทำงานกำลังเริ่มทยอยวิเคราะห์
นอกจากนี้ประเด็นที่นายมานพ ไปร้อง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าถูกกลั่นแกล้ง และปมเรื่องนี้เชื่อมโยงไปยังผู้ใหญ่ระดับสูงของกระทรวงยุติธรรมหลายคนนั้น ดีเอสไอยังไม่เห็นรายละเอียดเอกสารร้องทุกข์ เพราะเป็นการร้องไปที่ ป.ป.ช. แต่หากเรื่องร้องทุกข์ถูกส่งมายังดีเอสไอก็จะรับไว้พิจารณา
ทั้งนี้ ดีเอสไอยืนยันว่าการตรวจสอบมีความคืบหน้าไปพอสมควรแล้ว ส่วนข้อมูลที่ดีเอสไอขอไปทางกรมราชทัณฑ์ มีทั้งบัญชีรายชื่อของข้าราชการที่ทำงานในวันเกิดเหตุ และเข้าเวรในช่วงเวลาต่างๆ รวมไปถึงใบลางานต่าง ๆ อยู่ระหว่างรอผลรายงานจากคณะทำงาน แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่ดูแลมีการโยกย้ายไป ทำให้ดีเอสไอก็ต้องใช้เวลาในการติดตาม แต่กรมราชทัณฑ์ก็ให้ความร่วมมือดี และหากได้รับข้อมูลเบื้องต้นแล้ว ก็จะทำรายงานส่งอธิบดีดีเอสไอต่อไป


