ตร.รวบ หนุ่มวัย 39 ปี ขี่รถจยย.ชิงทองป้าวัย 54 ปี สารภาพเป็นหัวหน้าครอบครัว หาเงินใช้หนี้ไม่ทัน ตกงานหนี้สินรุมเร้าตัดสินใจผันตัวเป็นโจร
วันที่ 24 พ.ย.68 ที่สภ.ปากเกร็ด พ.ต.ท.การุณย์ ลิมปิโรจนฤทธิ์ รอง ผกก.สส.สภ.ปากเกร็ด , พ.ต.ท.ยศธเดช สุขเทียบ สว.สส.สภ.ปากเกร็ด, และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายสุพจน์หรือบอย แสงเพชร อายุ 39 ปี บ้านเลขที่ 101/915 ถนนสังฆประชา แขวงลำผักชีเขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรีที่ 1548/2568 ลงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือให้พ้นการจับกุม” พร้อมของกลาง คือ 1.หมวกกันน็อก แบบเต็มใบสีดำลายสีฟ้า 2.หมวกผ้าแบบคลุมหน้าสีดำ 3.รองเท้าแตะแบบสวมยี่ห้อ Gambol 4.หมวกกันน็อกแบบครึ่งใบ สีฟ้า 5.เสื้อลาล่ามูฟ สีส้ม(เปลี่ยนขณะหลบหนี) 6.เสื้อแขนยาวสีดำ 7.กระเป๋าสะพายข้างสีดำ 8.คูปองลุ้นรับโชค เลขที่ 535 ประจำงวดวันที่ 1611 68 ที่ได้จากการขายสร้อยคอทองคำ ออกโดยห้างทองเยาวราชมังกร 9.รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ยามาฮา N-MAX สีเทา หมายเลขทะเบียน 9กบ 7314 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นยานพาหนะที่ใช้ในการก่อเหตุ
เนื่องจากวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.45น. นายสุพจน์หรือบอยฯว่าได้ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ (สร้อยคอทองคำน้ำหนัก1บาท)โดยใช้ยานพาหนะ บริเวณสามแยกภายในซอยขจรเนติยุทธ์ 1 ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังจากที่นายสุพจน์ฯได้ขี่รถจยย.หนีไปที่ เมืองทองและไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดไรเดอร์ลาล่ามูฟ ก่อนจะขี่หนีกลับไปที่บ้าน และอยู่กับลูกเมียตามปกติ ก่อนจะถูกตำรวจรวบภายหลัง
จากการสอบบถาม นายสุพจน์หรือบอย เล่าว่า ตนพักอยู่ที่ลาดกระบังใช้รถจยยขับมาก่อเหตุที่ปากเกร็ด หลังจากนั้นได้ขับรถจยยกลับลาดกระบังแต่ระหว่างทางมีการเปลี่ยนชุดแต่งกายและหมวกกันน็อคตอนก่อเหตุใส่ชุดเสื้อสีดำหลังก่อเหตุเสร็จใส่เสื้อสีส้มสวมทับและเปลี่ยนหมวกกันน็อคที่เมืองทอง และกลับไปขายทองที่ลาดกระบัง สาเหตุที่ก่อเหตุมีปัญหาหลายเรื่องหนี้สินรุมเร้าค่าใช้จ่ายไม่พอใช้โดนไฟแนนซ์ตามทวง เพิ่งเคยก่อเหตุครั้งแรกอาศัยอยู่กับภรรยาและลูก 2 คนอายุ 14 กับ 15 ปี ตอนก่อเหตุทางภรรยาตอนตกงานเพิ่งจะได้เริ่มงานเลยแบกรับค่าใช้จ่ายอยู่คนเดียวไม่ไหวทางตันเดือนนึงมีค่าใช้จ่ายเกือบ 50,000 บาท อยากขอโทษทางผู้เสียหาย ปกติทำงานส่งพัสดุ ที่เลือกก่อเหตุที่ปากเกร็ดเพราะเคยอาศัยอยู่ที่ปากเกร็ดมาก่อนไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะขโมยอะไรเพราะขับรถมาจากลาดกระบังเจออะไรก็จะทำเลยไม่ได้วางแผนไว้ คิดว่าถ้าไม่ใช้รถจยยแล้วไปวิ่งราวทองกลัววิ่งไม่ทันและโดนจับเลยต้องใช้รถจยยในการก่อเหตุหลังก่อเหตุนอนไม่หลับทุกคืนบ้านเลี้ยงหมา 3-4 ตัว เวลาเห่าก็สะดุ้งคิดอยู่แล้วว่าจะโดนจับแต่ไม่รู้วันไหน ไม่รู้จะทำยังไงทางตันจริงๆไม่มีเงินติดตัวสักบาทก่อนก่อเหตุยังต้องขอรุ่นน้องให้โอนเงินให้ 100 บาท เพื่อที่จะเติมน้ำมัน 80 บาท อีก 20 บาท เติมเน็ตให้ลูกใช้ และขับมาก่อเหตุ ทองที่ได้มาครึ่งเส้นเพราะมันขาดอีกครึ่งนึงหาไม่เจอได้นำไปขายได้เงินมาจำนวน 34,000 บาทใช้หนี้หมดภายในวันเดียว และจ่ายค่าไฟที่ค้างไว้ประมาณ 3 เดือน ไม่ได้เอาเงินไปทำอะไรเลย
ทางด้าน พ.ต.ท.ยศธเดช สุขเทียบ สว.สส.สภ.ปากเกร็ด ได้มีการพูดคุยกับ นายสุพจน์หรือบอยฯผู้ก่อเหตุ ได้นั่งปรับทุกข์สารภาพทุกข้อกล่าวหา เล่าไปด้วยน้ำตาว่าต้องหาเงินเดือนละ 5 หมื่นบาททุกเดือนไว้เป็นค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ต้องจ่ายค่างวดรถ 2 คัน ค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ และส่งลูกอายุ14ปี และ15ปี เรียนหนังสือ และอยู่ในช่วงที่ภรรยาตกงาน จึงหมดหนทางและมาก่อเหตุ


