xs
xsm
sm
md
lg

เตือนไม่ฟัง! อดีตคณบดี ม.ดัง คลั่งรักสแกมเมอร์ ถูกตุ๋นลงทุน 2 ล้าน- ตร.ตามรวบ บช.ม้าเกือบยกแก๊ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ตำรวจสอบสวนกลางเปิดปฎิบัติการ “Hybrid Scam ลวงรักชายวัยเกษียณ” ปลอมโพรไฟล์หญิงหน้าตาดีตีสนิทอดีตคณบดี มหาวิทยาลัยชื่อดัง จนหลงรักหัวปักหัวปำ ก่อนหลอกลงทุนหุ้นทองคำ เผยคนสนิทเตือนไม่ฟัง จนสูญเงินเกือบ 2 ล้านบาท


วันนี้ ( 21 พ.ย.) พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก.สั่งการ พล.ต.ต.ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ ผบก.ปอท. พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท. สนธิกำลังร่วมกับตำรวจ บก.ปคบ. บก.ปคม., บก.รน., บก.ป. และ บก.ทล.เปิดปฏิบัติการปราบปราม “Hybrid Scam ลวงรักชายวัยเกษียณหลอกลงทุน” เข้าทำการตรวจค้นเป้าหมาย จำนวน 12 จุด ในพื้นที่ กทม., นนทบุรี, นครสวรรค์ และเชียงราย จับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 12 รายประกอบด้วยนายชาญณรงค์ อายุ 27 ปี ,นางเกดมะนี (MS.KETMANY)อายุ 32 ปี สัญชาติลาว สองสามีภรรยาหัวหน้าแก๊ง พร้อมด้วยนายรัตนพล อายุ 26 ปี ,นายณัฐพงษ์ อายุ 25 ปี ,นายสุทธิพงศ์ อายุ 23 ปี ,นายจิรพัฒน์ อายุ 21 ปี ,นายภานุวัฒน์ อายุ 31 ปี ,น.ส.เจนจิรา อายุ 33 ปี ,นายนิคม อายุ 22 ปี , นายณัฐชัย อายุ 35 ปี ,นายสหรัฐ อายุ 26 ปีและ น.ส.กรนันท์ อายุ 19 ปี ทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงเป็นปกติธุระโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ,ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ, สมคบกันโดยการตกลงตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันเป็นอั้งยี่”

สืบเนื่องจากผู้เสียหายซึ่งเป็นอดีตคณบดี มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ได้รู้จักกับหญิงสาวหน้าตาดีใช้บัญชี Tiktok ปลอมชื่อ “พลอยใส่ พุทธเลิศ” โดยโพสต์ในลักษณะต้องการหาคนพูดคุยคลายเหงาผู้เสียหายเกิดความสนใจติดต่อไปหา จากนั้นหญิงสาวคนดังกล่าวได้ชักชวนพูดคุยลักษณะชู้สาวกันผ่านแอปพลิเคชันไลน์เรื่อยมาเป็นเวลากว่า 1 เดือน จนผู้เสียหายรู้สึกชอบพอ ไว้เนื้อเชื่อใจ จากนั้นก็ได้ชักชวนร่วมลงทุนหุ้นทองคำผ่านเว็บไซต์ “xm.zfmi.top” ซึ่งเป็นเว็บไซต์ปลอม โดยคนร้ายอ้างว่าจะช่วยบริหารพอร์ตการลงทุนให้ ก่อนขอข้อมูลส่วนตัว ทั้งชื่อ - นามสกุล - เบอร์โทรศัพท์ และให้ผู้เสียหายตั้งรหัสผ่านให้ อ้างว่าจะนำไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ปลอมดังกล่าว ผู้เสียหายหลงเชื่อ โอนเงินร่วมลงทุนรวม 10 ครั้ง เป็นเงินทั้งหมดเกือบ 2 ล้านบาท เมื่อคนรอบข้างผู้เสียหายทราบเรื่อง ได้ช่วยกันพยายามห้ามปรามแต่ผู้เสียหายกลับไม่เชื่อฟัง ยังคงพูดคุยกับหญิงสาวคนดังกล่าว และโอนเงินไปลงทุนต่อเนื่องรวม 10 ครั้ง เป็นเงินทั้งหมดเกือบ 2 ล้านบาท ญาติ ๆ ผู้เสียหายจึงได้ร้องเรียนมายัง กก.2 บก.ปอท.

จากการตรวจสอบพบว่า หญิงสาวคนดังกล่าวได้นำรูปภาพของบุคคลอื่น แล้วนำไปสร้างโพรไฟล์ปลอมขึ้นมา จึงได้ติดต่อไปยังบุคคลที่โดนนำรูปภาพไปแอบอ้าง เพื่อแจ้งเรื่องให้ทราบ แต่บุคคลดังกล่าวกลับเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และไม่ยอมพูดคุย

นอกจากนี้สืบสวนทราบอีกว่า กลุ่มผู้ต้องหาส่วนใหญ่ เป็นวัยรุ่นในพื้นที่จรัญสนิทวงศ์ กทม. มีการรวมกลุ่มกันเพื่อรับงานเบิกถอนเงินสดให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศลาว โดยมี น.ส.เกดมะนี สัญชาติลาว และนายชาญณรงค์ แฟนหนุ่ม เป็นหัวหน้าแก๊งในการจัดหาบัญชีม้า ควบคุมการเบิกถอนเงินสด และรวบรวมเงินสด, นายนิคม และนายณัฐชัย มีหน้าที่เบิกถอนเงินสดในพื้นที่ อ.เมือง และ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย, น.ส.เจนจิรา มีหน้าที่ในการแลกเปลี่ยนเงินบาทเป็นเงินดิจิทัล (USDT) จากนั้นจะโอนต่อไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) ตามที่แก๊งคอลเซนเตอร์สั่งการ และจากการตรวจสอบเพิ่มเติมยังว่า น.ส.เจนจิรา ยังมีพฤติการณ์ในการเป็นนายหน้าซื้อขายบัญชีธนาคารบุคคล และบัญชีธนาคารนิติบุคคล เพื่อส่งไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ในประเทศลาว พบว่าภายในระยะเวลาประมาณ 3 เดือน กลุ่มผู้ต้องหานี้มีเงินหมุนเวียนรวมกันเกือบ 20 ล้านบาท

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 23 ราย เป็นคนไทย 18 ราย และคนลาว 5 ราย โดยแบ่งเป็นกลุ่มเจ้าของบัญชีม้าและทำหน้าที่เบิกถอนเงินสด จำนวน 15 ราย, กลุ่มทำหน้าที่รวบรวมเงินสด จำนวน 3 ราย, กลุ่มฟอกเงิน จำนวน 5 ราย และจากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า กลุ่มผู้ต้องนี้มีความเกี่ยวข้องกับอีก 13 คดี มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 6 ล้านบาท ก่อนนำกำลังจับกุมได้ 12 รายดังกล่าว

สอบสวน น.ส.เกดมะนี สารภาพว่า รับจ้างเบิกถอนเงินสดจากกลุ่มชาวลาว ซึ่งเป็นสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศลาว จากนั้นจะหาบัญชีธนาคารมาเพื่อรับเงินที่ได้จากการหลอกลวงเหยื่อ โดยได้รวบรวมกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ในพื้นที่จรัญสนิทวงศ์ และพื้นที่ใกล้เคียง มาเพื่อเป็นบัญชีม้า และเบิกถอนเงินสด โดยเงินสดที่เบิกถอนมา จะนำไปฝากบัญชีธนาคารต่างๆ ตามที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์สั่งการ ได้ค่าจ้าง 10% ของจำนวนเงินที่เบิกถอน โดยทำมาตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา

ด้าน นายนิคม ให้การว่า มีหน้าที่เบิกถอนเงินสดในพื้นที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย จากนั้นจะนำเงินสดส่งต่อให้กับชาวลาว ซึ่งเป็นเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บริเวณใกล้เคียงกับจุดผ่านแดนถาวรสามเหลี่ยมทองคำ (สบรวก) ได้ค่าจ้าง 1% ของจำนวนเงินที่เบิกถอน

ส่วน น.ส.เจนจิรา รับว่า ตนเองได้แลกเปลี่ยนเงินบาทเป็นเงินดิจิทัล (USDT) ตามคำสั่งของคนที่รู้จักกันผ่านแอปพลิเคชัน Telegram และยังให้การรับอีกว่า ตนเองเคยเดินทางไปที่ประเทศลาว และได้พบกับกลุ่มชาวจีนที่เชื่อว่าเป็นนายทุนของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อีกทั้งยังเคยเป็นนายหน้าจัดหาบัญชีธนาคาร ส่งไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศลาว อีกด้วย เบื้องต้นแจ้งข้อหาตามหมายจับ ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป














กำลังโหลดความคิดเห็น