เจ้าของร้านหมูกระทะย่านปากเกร็ด ร้องกองปราบ ช่วย ถูกนายทุนเงินกู้นอกระบบส่งลูกน้องข่มขู่ทวงหนี้ถึงร้าน แม้ใช้หนี้รวมดอกหมดแล้วกว่าล้านบาท
วันนี้ ( 18 พ.ย.) ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายธมนันท์ แตงทิม หรือจ่าคิงส์ สะพานใหม่ พร้อมด้วย น.ส.จี (นามสมมติ) อายุ 36 ปี พร้อมแฟนหนุ่มเจ้าของร้านหมูกระทะแห่งหนึ่งย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี เดินทางเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจกองปราบปราม หลังถูกเจ้าหนี้นอกระบบส่งคนตามข่มขู่คุกคาม ทั้งที่ใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ยไปจนครบหมดแล้วร่วมล้านกว่าบาท
น.ส.จี กล่าวว่า เมื่อช่วงต้นเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ตนได้ไปกู้เงินจากนายทุนเงินกู้นอกระบบรายหนึ่งจำนวน 600,000 บาท พร้อมข้อตกลงยอมจ่ายดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 20 ซึ่งปัจจุบันได้ชดใช้คืนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยไปหมดแล้วตั้งแต่เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา เป็นจำนวนเงินรวมกว่า 1 ล้านบาท แต่ภายหลังจากชำระหนี้สินพร้อมดอกเบี้ยครบแล้ว ปรากฎว่ากลับยังมีกลุ่มชายฉกรรจ์ซึ่งเป็นลูกน้องของเจ้าหนี้หน้าเดิม ๆ จำนวน 10-15 คน มาทวงหนี้ต่อเช่นเดิม โดยนำหลักฐานการกู้ยืมเงินฉบับเดิมที่ตนได้ชำระครบถ้วนไปแล้ว มาอ้างว่าตนได้ไปกู้ยืมเงินเพิ่ม และไม่ยอมชำระหนี้พร้อมข่มขู่คุกคาม ตนและสามีในรูปแบบต่าง ๆ นานา อาทิ ข่มขู่จะทำร้ายร่างกาย ปล่อยลมยางรถยนต์ โดยจะเข้ามาที่ร้านวันละ 4-5 ครั้ง หากวันใดที่ไม่พบตนหรือสามี ก็จะหันไปลงกับลูกน้องที่ร้านแทน ทำให้ตอนนี้ตนรู้สึกหวาดระแวงและเครียดอย่างหนัก จนถึงขั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป
น.ส.จี กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ. ปากเกร็ดแล้ว แต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้าใด ๆ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งเพียงว่า หากเกิดเหตุการณ์คุกคามให้รีบโทรแจ้ง 191 ทันที ด้วยเหตุนี้ ตนจึงตัดสินใจเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากกองปราบปราม เพื่อหวังให้มีการเร่งรัดคดีและเข้าช่วยเหลือคุ้มครองความปลอดภัยโดยเร็วที่สุด
ด้าน อ.มานพ สีเหลือ อาจารย์สอนด้านบัญชี กล่าวว่า การทวงซ้ำซ้อนแม้จ่ายครบ การกระทำของลูกน้องในการทวงหนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของเจ้าหนี้ตัวจริง แม้จะจ่ายครบแล้ว การทวงหนี้ซ้ำถือว่าผิด พ.ร.บ. การทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558 และทำให้ลูกหนี้เสียหาย การเรียกดอกเบี้ยเกินกฎหมายและคุกคาม อัตราดอกเบี้ย 20% ต่อเดือน (240% ต่อปี) ผิดกฎหมายชัดเจน เพราะกฎหมายกำหนดสูงสุดเพียง 15% ต่อปี ข้อตกลงที่เกินกว่านี้ถือเป็นโมฆะ ทั้งนี้การคุกคามเป็นความผิด การทำให้ลูกหนี้ไม่เป็นอันทำงานถือเป็นการคุกคามและข่มขู่ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ทวงหนี้ฯ โดยตรง


