xs
xsm
sm
md
lg

"เอม-โอ๊ค" เยี่ยม "ทักษิณ" พร้อมสู้คดี ปมอัยการสูงสุดยื่นอุทธรณ์ ม.112

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



MGR Online - "เอม-โอ๊ค" เผย "ทักษิณ" เสียความรู้สึกหลังอัยการสูงสุดยื่นอุทธรณ์ ม.112 แต่ขอบคุณทุกกำลังใจ ด้าน "ทนายวิญญัติ" พร้อมสู้คดี ยืนยันไม่มีเจตนาหมิ่นเบื้องสูง

จากกรณี เรือนจำกลางคลองเปรม รับตัว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไว้คุมขังตามคำพิพากษาของศาลให้บังคับโทษจำคุกแก่จำเลย โดยให้จำคุก 1 ปี และอยู่แดนกักโรคโควิด-19 ครบกำหนด 5 วัน (9 ก.ย. - 14 ก.ย.) ก่อนย้ายไปแดนผู้สูงอายุและแดนพยาบาล เนื่องจากเข้าหลักเกณฑ์เป็นผู้ต้องขังสูงอายุเกิน 65 ปี ก่อนพิจารณาจำแนกแยกแดนต่อไป ทั้งนี้ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ ระบุว่า นายทักษิณ มีโรคประจำตัวอาการปวดเกี่ยวกับระบบกระดูก ทั้งกระดูกต้นคอ ไขสันหลัง หรือปวดแขนขาบ้าง และยืนยันอยู่ในเรือนจำตลอดเวลา

วันนี้ (17 พ.ย.) เวลา 13.00 น. บริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือ "โอ๊ค" พร้อมด้วย น.ส.ณัฐฐิญา ปวงคำ หรือ "ติ๊ก" ภรรยาของนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือ "เอม" เป็นตัวแทนครอบครัวเข้าเยี่ยมนายทักษิณ โดยวันนี้ถือเป็นครั้งที่ 17 สำหรับการเข้าเยี่ยมญาติ ซึ่งมีกลุ่มคนเสื้อแดงแต่งกายเสื้อผ้าสีดำมายืนรอให้กำลังใจ ก่อนเดินเข้าภายในเรือนจำ พร้อม นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความประจำตัวนายทักษิณ

ต่อมา เวลา 13.35 น. ภายหลังเข้าเยี่ยมและพูดคุยกับนายทักษิณ โดย น.ส.พินทองทา กล่าวว่า วันนี้คุณพ่อดูเสียใจและรู้สึกเจ็บช้ำจากเรื่องอัยการสูงสุดยื่นอุทธรณ์ คดี ม.112 ส่วนหลังจากนี้คงต้องไปคุยและวางแผน ต้องสู้ค่ะ ถ้าเกิดเรายังไม่ได้รับความยุติธรรมก็ต้องสู้ต่อ แต่ว่าจุดนี้เราเป็นห่วงในเรื่องความรู้สึกคุณพ่อเพราะท่านอยู่ในนี้ก็ไม่มีใครอยู่กับท่าน พวกเราได้เพียงส่งกำลังใจ แต่เรื่องเกิดวันนี้ก็ยังโชคดีที่ได้เข้ามาเยี่ยมคุณพ่อพร้อมครอบครัว

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าเป็นการกระทบจิตใจต่อนายทักษิณ หรือไม่เพราะได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแต่ยังมีคำสั่งกลับแบบนี้ ด้าน นายพานทองแท้ ระบุสั้นๆ ว่า เป็นเรื่องที่ทำให้จิตตกอยู่พอสมควร แต่ขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้กับครอบครัวเรา


ส่วนทาง ทนายวิญญัติ เผยว่า การเข้าเยี่ยมนายทักษิณวันนี้ของครอบครัวก็ได้กำลังใจจากลูกๆ ของท่าน ซึ่งวันนี้ นายพานทองแท้ เดินทางมาเยี่ยมเป็นครั้งที่ 2 พร้อมกับภรรยา ส่วน น.ส.พินทองทา และ น.ส.แพทองธาร ก็มาเยี่ยมเรื่อยๆ นอกจากนี้ ประชาชนได้ส่งกำลังใจมาให้ตลอด โดยนายทักษิณทราบว่ามีการจัดกิจกรรมรำลึกถึงคุณงามความดี ทำคุณาปการให้กับประเทศชาติ สิ่งเหล่านี้จึงทำให้นายทักษิณรู้สึกเจ็บปวด เสียใจที่กระบวนการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจของรัฐ ผ่านกระบวนการยุติธรรมหรืออำนาจใดๆ อาจเรียกได้ว่ากลั่นแกล้งท่าน ขอใช้คำว่า "ถูกกระทำแล้ว ซ้ำแล้วซ้ำเล่า"

ทนายวิญญัติ เผยอีกว่า ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้จะต้องสู้แน่นอนเพราะนายทักษิณเป็นนักสู้ ยิ่งท่านไม่ผิดอะไร ไม่มีเจตนาที่กระทำความผิดตามกล่าวหาท่านจะสู้ให้ถึงที่สุด เรื่องนี้ขอให้สังเกตุว่าอัยการสูงสุดที่ท่านมีความเห็นแย้งกับมติคณะทำงาน ซึ่งอ้างว่าไม่ใช่คณะทำงานที่ดูแลสั่งคดีดังกล่าว หมายความว่าเป็นคณะทำงานของอดีตอัยการสูงสุดคนก่อน ตนได้ยินมาว่ามีมติ 7-2 หรือบางคนก็บอกมีมติ 8-2 สั่งไม่สมควรอุทธรณ์ ทั้งนี้ มติจะเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่ององค์กรของอัยการ ซึ่งตนในฐานะทนายความสู้คดีมาไม่เคยมีคดีไหนง่าย เราสู้ถึงที่สุดอยู่แล้ว เนื้อหาในคดีนี้ยืนยันนายทักษิณไม่มีเจตนากล่างถึงเบื้องสูง และที่ผ่านมาชั้นอัยการมีความเห็นไม่สมควรอุทธรณ์ คำพิพากษาศาลอาญาชั้นต้นจึงยกฟ้องเพราะไม่มีคำใดกล่าวถึงพระมหากษัตริย์ ส่วนกระบวนการหลังจากนี้ อัยการจะยื่นอุทธรณ์ภายในวันที่ 21 พ.ย.นี้ หากส่งหมายมาเราก็มีหน้าที่การแก้อุทธรณ์ต่อไป แต่ระยะเวลาศาลอุทธรณ์พิจารณาคาดว่าอีกหลายเดือน

ทนายวิญญัติ เผยต่อว่า ส่วนการรวบรวมความเห็นข้อเท็จจริงต่างๆ นั้น ตนในฐานะทนายความเตรียมที่จะไปคัดข้อมูลเพื่อใช้ประกอบการยื่นอุทธรณ์ อาจจะไม่สามารถใช้เป็นพยานหลักฐานในชั้นอุทธรณ์ได้แต่ความเห็นต่างๆ ตนก็อยากรู้ว่าอัยการสูงสุดท่านนี้ที่ยื่นอุทธรณ์ว่าท่านมีความเห็นอย่างไร หรืออาจบอกว่าไม่ใช่ความเห็นตัวเองที่ไม่ได้ลงมติไว้ หรือตนเองไม่ได้มีส่วนออกความเห็น แต่เมื่อเป็นอัยการสูงสุดแล้วจึงสามารถออกความเห็นได้ก็เป็นเรื่องของท่าน นอกจากนี้ พยานของโจทย์ในคดีดังกล่าว ตนได้ว่าความตั้งแต่ต้นจึงเห็นพยานทุกชิ้น และเราจะสู้กันในชั้นอุทธรณ์หรือในชั้นฎีกาค่อยว่ากัน

ทนายวิญญัติ กล่าวเสริมว่า การอุทธรณ์มีผลต่อการพักโทษหรือไม่นั้น ไม่เกี่ยวเพราะการอุทธรณ์เป็นเรื่องของกระบวนการ ส่วนการพักโทษเป็นเรื่องระยะเวลาของผู้ต้องขังทุกคนได้รับสิทธิเท่าเทียม เสมอภาคกัน รวมถึงระยะเวลา 1 ใน 3 ของโทษที่ได้รับมาก็จะมีการพิจารณาพักโทษอยู่แล้ว จึงไม่มีผลเกี่ยวข้องกัน และนายทักษิณสมควรได้รับการพักโทษเพราะอายุเกิน 70 ปี ถูกคุมขังระยะเวลาหนึ่งแล้วตามกฎหมายราชทัณฑ์


เมื่อถามว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวตั้งคำถามว่าเป็นแผนสกัด นายทักษิณ ไม่ให้ออกเรือนจำฯ เพราะมีการยื่นอุทธรณ์คดี จะไม่ได้รับการพิจารณานั้น ทนายวิญญัติ กล่าวว่า ข้อสังเกต นายชูวิทย์ ก็ควรรับฟังแต่ไม่ขอแสดงความเห็นใดๆ หากเป็นตามที่นายชูวิทย์ตั้งข้อสังเกตเป็นเรื่องที่ต้องชวนให้ประชาชนคิดตามว่าการใช้อำนาจหรือการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมในชั้นอัยการหรือไม่ด้วยนั้น มีจริงหรือไม่ ส่วนจะร้องเอาผิดอัยการสูงสุดเป็นเรื่องในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร แต่ยังไม่ได้คิดต้องดูเนื้อหา

"ท่านก็ใช้อำนาจของท่าน อำนาจของอัยการสูงสุดประเทศนี้ ผมก็เห็นมาหลายคนแล้วมีอะไรที่พิศดารอยู่เรื่อยๆ นึกถึงคำพูดหนึ่ง อภินิหารทางกฎหมายก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว จะเกิดขึ้นในยุคนี้อีกทีก็ไม่รู้สึกแปลกใจแต่รู้สึกเสียใจ"


กำลังโหลดความคิดเห็น