ครป.จับมือเครือข่ายประชาชน เสนอ"นายกฯอนุทิน"และผบ.ตร.ปฏิรูปตำรวจเร่งด่วน จี้แก้ส่วยสแกมเมอร์ ไฟเขียว ปปง.-ธปท. ตรวจสอบเส้นเงินธุรกิจสีเทา ล้างบางนักการเมือง-ตร.รับส่วยฟอกเงิน
เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (14 พ.ย.) ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) เครือข่ายประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ และคณะทำงานสันติภาพโลก จัดเวทีข้อเสนอภาคประชาชนต่อรัฐบาลไทยเรื่อง "ส่วยตำรวจ สแกมเมอร์ พนันออนไลน์ ปัญหาองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ กับการปฏิรูปตำรวจไทย" ขึ้น โดยมีตัวแทนภาคประชาชน คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) และกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศเข้าร่วม
นายเมธา มาสขาว ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ และรักษาการเลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า ส่วยตำรวจ ส่วยทหาร ส่วยข้าราชการ ส่วยการเมือง ใส่ซอง โกงกิน คอร์รัปชั่น มีมานานแล้วในประเทศไทย แต่รัฐราชการไทยไม่ยอมปราบให้หมดเสียที แม้จะมี ป.ป.ช. ปปง. ปปท. เกิดขึ้นมาตรวจสอบถ่วงดุล แต่โครงสร้างอำนาจของประเทศไทย เอื้อให้มีการคอร์รัปชั่นเชิงอำนาจอย่างมโหฬาร ซึ่งต้องหาทางแก้ไขด้วยการตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมาย และการกระจายอำนาจ โดยเฉพาะโครงสร้างอำนาจตำรวจที่ตรวจสอบ สืบสวนและสอบสวนคดีกันเอง
สำหรับโครงสร้างส่วยจากเครือข่ายสแกมเมอร์จะมีทั้งหมด 3 ระดับ คือ 1.ระดับปฏิบัติการ ก็คือตำรวจท้องที่ ดูแลบ่อน ผับบาร์ ธุรกิจต่าง ๆ แต่ในระยะหลังเมื่อมีตำรวจไซเบอร์ก็จะรวมเว็บพนันออนไลน์เข้าไปด้วย ซึ่งส่วยที่ได้จากเว็บพนันออนไลน์นี่มหาศาลมาก
2.ระดับผู้ให้ความคุ้มครอง ก็ส่งส่วยสแกมเมอร์ขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามลำดับชั้น เพื่อให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ให้ความคุ้มครอง มีปัญหาก็เคลียร์ให้ ถ้าต้องซื้อขายตำแหน่ง ระยะหลังเงินที่ใช้ก็มาจากเว็บพนันนี่แหละมหาศาล มากกว่าบ่อนหรือธุรกิจพนันแบบเดิม ๆ ที่ผ่านมา แถมยังมีความแนบเนียนและซับซ้อนมากกว่า ทั้งการใช้บัญชีม้าและนอมินี ซึ่งนายตำรวจระดับนี้ก็จะเริ่มเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับนักธุรกิจจีน ทุนเทา รวมทั้งมีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง
การแก้ไขปัญหาจึงต้องแก้ทุกระดับ ทั้งระดับปฏิบัติ ระดับคุ้มครอง และระดับนโยบาย แต่ตัองเป็นการเปลี่ยนแปลงจากบนลงล่าง ต้องมีเจตจำนงทางการเมืองในการกวาดล้างจริง ๆ ปปช. และ ปปง. ต้องทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เพราะฉะนั้น การปฏิรูปจะต้องเริ่มมาจากรัฐบาล เพราะมีอำนาจสั่งการเด็ดขาด โดยต้องทำเป็นนโยบาย
ส่วยสแกมเมอร์การหลอกลวงและการพนันออนไลน์ เพิ่งมาเติบโตมโหฬารช่วงโควิด-19 ระบาด คนข้ามไปเล่นตามบ่อนคาสิโนไม่ได้ ก็มาเล่นออนไลน์ รายได้หายไปมหาศาล จึงเกิดขบวนการสแกมเมอร์ขึ้น หลอกลวงทางออนไลน์ จนขยายกลายเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติขนาดใหญ่ เพราะผลประโยชน์มหาศาลหลายแสนล้านบาท แทบจะเท่า GPD ของประเทศเล็กๆ พวกเขาเข้าหาผู้มีอำนาจเพื่อใช้กลไกรัฐและอิทธิพลเข้าปกป้องผลประโยชน์ จึงเติบโตอย่างกว้างขวางในกัมพูชา พม่าและไทย เพราะนักการเมือง ข้าราชการ ทั้งทหาร ตำรวจ ต้องกินตามน้ำ ต้องรับเงินส่วยรายเดือนอยู่แล้ว แต่ได้เพิ่มอีกมหาศาล
เงินสีเทาเหล่านั้น เมื่อเข้ามาจำนวนมากก็ต้องฟอกเงิน ฟอกผ่านคนอื่นไม่ได้ก็ตั้งธนาคารขึ้นมาเสียเอง B.I.C. เป็นตัวอย่างที่สำคัญที่เกิดการรับรองโดยรัฐบาลกัมพูชา จนสามารถไปตั้งสาขาในลาว ในสิงคโปร์ แต่ต่อมาตรวจสอบเจอว่าฟอกเงิน เป็นเครือข่ายระดับโลก ทั้งสหรัฐ อังกฤษ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และอีกหลายประเทศจึงประกาศยึดทรัพย์ แต่ประเทศไทยอ้ำอึ้งอยู่ เพราะขนาดคนระดับ ผบ.ตร.ในอดีตยังรับส่วยเป็นขบวนการ แล้วนักการเมืองผู้มีอำนาจในรัฐบาลจะมีอีกกี่คนที่เป็นสีเทา
โครงสร้างอำนาจและยศตำรวจทำให้เกิดการคอร์รัปชั่นโดยระบบ และเกิดมานานแล้ว จนเกิดสถานีตำรวจเกรดเอ เกรดบี เกรดซี เพราะแต่ละท้องที่มีส่วยสะพัดรายเดือน ทั้งไนค์คลับผับบาร์ สถานบันเบิง จำเป็นต้องจ่ายถ้ามีการจำหน่ายสุราเกิดเวลา ท้องที่เกรดเอจึงมีการซื้อขายตำแหน่งผู้กำกับกันหลายสิบล้านบาท หามาจ่ายเป็นขั้นๆ กันไป จึงต้องหารายได้คืนต่อๆ มา กลายเป็นภาระประชาชนรับกรรม ซึ่งส่งผลถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจระดับประเทศด้วย รัฐบาลผันเงินกี่แสนล้านบาทก็ไม่แข็งแรง ถ้าพื้นฐานเศรษฐกิจเป็นบ่อนทำลายตัวเอง
จึงมีข้อเสนอเบื้องต้นต่อรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนี้
1.ส่วยมหาศาลในปัจจุบันมาจากเครือข่ายพนันออนไลน์ สแกมเมอร์ข้ามชาติ และธุรกิจสีเทา มีคนเอาเงินมาฟอกที่เมืองไทยเป็นแสนล้านบาท กระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงความมั่นคงในหลายประเทศสืบเส้นเงินได้และมีข้อมูลส่งมาให้รัฐบาลไทยบ้างแล้ว รัฐบาลไทยจะต้องไฟเขียว ให้หน่วยงานความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธปท. ปปง. ได้มีอำนาจตรวจสอบเส้นทางการเงินตามกฎหมายอย่างเต็มที่โดยไม่ถูกแทรกแซงจากผู้มีอำนาจ เจอคนผิดก็จับกุมตามหลักฐาน คิดว่าจะพบอีกหลายคน นอกจากอดีต ผบ.ตร.แล้ว เชื่อว่ายังมีอดีตรัฐมนตรีและนักการเมืองอีกหลายคน
2.ประสานงานขอความร่วมมือกับหน่วยงานระหว่างประเทศ ทั้งสหรัฐและจีน เพื่อจัดการปัญหาส่วย ธุรกิจสีเทาและการฟอกเงินภายในประเทศอย่างเด็ดขาด ตัดตอนขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติที่มาใช้พื้นที่ประเทศไทยตั้งฐานปฏิบัติการ และเพื่อจัดการความสัมพันธ์กับมหาอำนาจอย่างสมดุลไม่ให้ตกเป็นเครื่องมืองของความขัดแย้งในอนาคต โดยจัดตั้งคณะทำงานพิเศษจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านทั้งไทยและต่างประเทศ โดยให้สื่อมวลชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบความโปร่งใส เพราะที่ผ่านมามีข้อครหาว่า รัฐบาลไม่ได้ดำเนินการเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องอีกหลายคน ทั้งนักการเมือง ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง โดยไม่ต้องรอให้ลงจากอำนาจก่อน
3.ขอให้รัฐบาลไย จัดตั้งศูนย์การปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์ข้ามชาติและอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Cyber Scam) ในระดับประเทศและในระดับอาเซียนขึ้น เพื่อประสานงานผู้เชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีด้านสแกมเมอร์และการเงินดิจิตัลจากหลายประเทศ เพื่อร่วมมือกันแก้ไขปัญหาทั้งระบบ ที่กำลังบ่อนทำลายภายในภูมิภาคและเป็นเงื่อนไขบางส่วนให้เกิดสงคราม หากอาเซียนสามารถร่วมมือกันได้จะสามารถแก้ไขปัญหาอย่างเอกภาพได้ โดยให้ภาคเอกชนและผู้เชี่ยวชาญเข้ามามีส่วนร่วม
4.ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย ผบ.ตร. แก้ไขภาพลักษณ์องค์กรอาชญากรรมตำรวจ โดยการแก้ไขปัญหาส่วยทั้งระบบอย่างเด็ดขาด ยกเลิกการคอร์รัปชั่นโดยระบบ ยกเลิกการรับส่วยประจำเดือน การซื้อขายตำแหน่งผู้กำกับ ผู้การ การเรียกเก็บส่วยจากสถานประกอบการในพื้นที่ บ่อนการพนัน ธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ ให้มีการแสดงบัญชีทรัพย์สิน และขอให้เร่งปฏิรูปตำรวจโดยการกระจายอำนาจตำรวจตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญและการบังคับใช้กฎหมายไปสังกัดกระทรวงหรือกรมที่เกี่ยวข้องโดยตรง และแยกอำนาจการสอบสวนออกจากตำรวจ จัดระบบตำรวจใหม่ไม่ต้องเหมือนกองทัพ แต่ประกอบด้วยแผนกผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมากขึ้น
5.เสนอให้สถานบริการ ร้านอาหาร ถ้ามีผู้ประกอบการใดจ่ายส่วยตำรวจ ขอให้หยุดจ่าย และนำหลักฐานไปมอบให้รัฐบาล ผ่านกลไกพิเศษที่จัดตั้งขึ้น เพื่อแก้โครงสร้างส่วย และอำนวยให้เกิดการแก้ไขและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเป็นระบบต่อไป เช่น การจ้างแรงงานข้ามชาติโดยไม่ขึ้นทะเบียน การใช้แรงงานเด็ก การจำหน่ายสุราเกินเวลา ซึ่่งต้องมีการแก้ไขกฎหมายและทำให้ถูกต้องต่อไปโดยเป็นหน้าที่รัฐบาล


