MGR Online - พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ต้อนรับ ครอบครัว "โทโมโกะ" เข้าเยี่ยมคารวะและติดตามประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของบุตรสาว
วันนี้ (12 พ.ย.) ณ ห้องรอพิเศษ 207 ชั้น 2 อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หัวหน้าพรรคประชาชาติ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ให้การต้อนรับ นายยาสึอากิ คาวาชิตะ พร้อมด้วย นางเอโกะ คาวาชิตะ บิดาและมารดา ของ น.ส.โทโมโกะ คาวะชิตะ นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ที่ถูกฆาตกรรมในช่วงเทศกาลลอยกระทง วันที่ 25 พ.ย.50 ใน จ.สุโขทัย เข้าเยี่ยมคารวะและหารือในโอกาสที่เดินทางกลับมาประเทศไทย
พ.ต.อ.ทวี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังการหารือกับ ครอบครัว น.ส.โทโมโกะ คาวะชิตะ ว่า การเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อติดตามหน่วยงานที่รับผิดชอบคดี โดยเฉพาะผลการยื่นคำร้องขอให้คดีของลูกสาวไม่มีอายุความ เนื่องจากตามกฎหมายไทยกำหนดให้คดีมีอายุความ 20 ปี ซึ่งหมายความว่า คดีจะหมดอายุความลงในปี 2570 เพราะในญี่ปุ่น เพิ่งมีการเปลี่ยนกฎหมายในลักษณะคล้ายกัน คือ ยกเลิกกฎหมายที่กำหนดอายุความ หรือคดีลักษณะนี้จะไม่มีวันหมดอายุความ และทวงถามการจ่ายสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียชีวิต รวมทั้งการแลกเปลี่ยนแบ่งปันข้อมูลข่าวสารทางคดีระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยและญี่ปุ่น
"วันนี้ครอบครัวนางสาวโทโมโกะ คาวะชิตะ ชาวญี่ปุ่น และตัวแทนจากสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดีความที่ค้างมานานกว่า 10 ปี โดยมีความกังวลเกี่ยวกับ อายุความ ซึ่งได้เข้าหารือกับกระทรวงยุติธรรม และมีวัตถุประสงค์เพื่อเรียกร้องให้ประเทศไทยมีการ แก้ไขกฎหมายเพื่อขยายอายุความ ขณะเดียวกัน ครอบครัวนางสาวโทโมโกะ คาวะชิตะ พร้อมคณะฯ ในวันนี้ได้มาที่ รัฐสภา เพื่อหารือกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และพรรคการเมือง โดยเฉพาะจากพรรคการเมืองที่กำลังดำเนินการเสนอร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ที่เกี่ยวข้องกับการ ไม่นับอายุความในระหว่างที่ผู้ต้องหาหลบหนี ซึ่งมีความสอดคล้องกับเจตนารมณ์ดังกล่าว“ พ.ต.อ.ทวี กล่าว
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่าเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากร่างกฎหมายนี้อยู่ในช่วงใกล้ การยุบสภา จึงเกรงว่าจะดำเนินการไม่ทัน แต่หากรัฐบาลยังไม่ยุบสภาและมีการเปิดประชุมสภาฯ ร่างกฎหมายนี้ถูกเร่งผลักดันในวาระหนึ่ง โดยจะมีการนำ เหตุผลและกรณีศึกษาของประเทศญี่ปุ่นมาประกอบการพิจารณา ซึ่งประเทศญี่ปุ่นในอดีตก็เคยมีระบบอายุความเช่นเดียวกับไทย แต่ในระยะหลังได้มีการ ยกเลิกอายุความ ไปแล้ว ซึ่งการยกเลิกทั้งหมดอาจก่อให้เกิดประเด็นถกเถียงกันในสภาฯ ได้ เนื่องจากบริบทของแต่ละประเทศอาจแตกต่างกัน
ดังนั้น จึงมีการส่งเอกสารที่เป็นตัวอย่างและเหตุผลในการยกเลิกอายุความของประเทศญี่ปุ่น เพื่อเป็นหลักฐานอ้างอิงและประกอบการพิจารณาในการ ปฏิรูปกฎหมายของเรา โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกิด ความยุติธรรมสูงสุดแก่ประชาชน โดยขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาของ ส.ส. และกำลังบรรจุเข้าสู่วาระที่หนึ่ง และหากมีการยุบสภาและมีสภาชุดใหม่เข้ามา ก็สามารถขับเคลื่อนกฎหมายนี้ต่อไปได้ทันที เนื่องจากได้เริ่มนับหนึ่งไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีสื่อมวลชนต่างประเทศ โดยเฉพาะสื่อมวลชนญี่ปุ่นหลายสำนัก ได้เดินทางมาเกาะติดบรรยากาศการเข้าพบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ของครอบครัว น.ส.โทโมโกะ คาวะชิตะ และมีเจ้าหน้าที่จากทาง สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ร่วมเดินทางมากับคณะด้วย โดยครอบครัว น.ส.โทโมโกะ คาวะชิตะ เคยเข้าพบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในวันที่ 15 ก.พ.67 เมื่อครั้งที่ยังดำรงตำแหน่ง ที่กระทรวงยุติธรรม แจ้งวัฒนะ
ทั้งนี้ ครอบครัวนางสาวโทโมโกะ คาวะชิตะ มีความประสงค์ และอนุญาตให้สื่อมวลชนทั้งไทย และสื่อมวลชนญี่ปุ่น บันทึกภาพ และสามารถเผยแพร่ภาพข่าวได้ โดยระหว่างการหารือ ได้มีล่ามภาษาต่างประเทศ ภายใต้การดูแลโดย สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ช่วยอำนวยความสะดวกให้ด้วย
สำหรับการยกเลิกกฎหมายที่กำหนดอายุความ โดยในปี 2019 นายยาสึอากิ คาวาชิตะ เคยเดินทางมายื่นเสนอแล้ว เลยกลับมาติดตามขั้นตอนต่าง ๆ สำหรับผู้ที่รู้เห็นการกระทำความผิด หรือเบาะแสในพื้นที่ ช่วยแจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือดีเอสไอ กระทรวงยุติธรรมได้ตลอด หรือผ่านทางเว็บไซต์ของดีเอสไอได้อีกหนึ่งช่องทาง
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ 11 พ.ย. ณ ห้องรับรอง ชั้น 2 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ กรุงเทพฯ พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้การต้อนรับ นายยาสึอากิ และ นางเออิโกะ คาวาชิตะ บิดาและมารดาของ น.ส.โทโมโกะ คาวาชิตะ นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่ถูกฆาตกรรมที่วัดสะพานหิน จ.สุโขทัย เมื่อวันที่ 25 พ.ย.50 ซึ่งเดินทางมาติดตามความคืบหน้าของคดี พร้อมด้วย นายนาโอโตะ วาตานาเบะ ผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจ และเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย โดยมี ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ท.ชาญชัย ลิขิตคันทะสร ผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง พร้อมด้วย นายอุดมการ วโรตม์สิกขดิตถ์ รองผู้อำนวยการกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ และ นายสุวพิชญ์ มโนภาพ รองผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง ในฐานะคณะพนักงานสืบสวน ให้การต้อนรับ
ทั้งสองฝ่ายได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและหารือในประเด็นด้านการสืบสวน โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษโดยกองคดีความมั่นคง ยืนยันว่ายังคงทำการสืบสวนและประสานความร่วมมือกับตำรวจญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ นายยาสึอากิ บิดาของผู้เสียชีวิต มีข้อแนะนำให้ทางการไทยพิจารณากำหนดให้คดีฆาตกรรมเป็นการกระทำความผิดที่ไม่มีอายุความเช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษจะรวบรวมข้อแนะนำดังกล่าวนำเสนอต่อผู้บังคับบัญชาระดับสูงในกระทรวงยุติธรรมเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป


