MGR Online - "รองเลขา ปปง." แจง เครือข่าย "เฉิน จื้อ" อยู่ระหว่างการสืบทรัพย์ในไทย พร้อมใช้กฎหมายฟอกเงินทันที พบหลายประเทศยึดอายัดทรัพย์สินแล้ว
วันนี้ (10 พ.ย.) ณ โรงแรม พูลแมน คิงส์พาวเวอร์ (รางน้ำ) กรุงเทพฯ นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการ ปปง. เปิดเผยมาตรการปราบปรามสแกมเมอร์และอาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติ ว่า สมาชิกของ APG (Asia/Pacific Group on Money Laundering) กว่า 40 ประเทศ ได้มาร่วมประชุมเพราะปี 68 มีแนวโน้มของเทคโนโลยีไฮบริดสแกมส่งผลกระทบต่อทั่วโลก และในวาระแห่งชาติของรัฐบาลไทยก็สอดคล้อง จึงจะได้มีการหยิบยกสถานการณ์ปัจจุบันเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกัน และหาวิธีการป้องกันปราบปรามกลุ่มอาชญากรรมไฮบริดสแกม การบังคับใช้แรงงาน ไม่ใช่แค่ไทยแต่เป็นทั่วโลก โดยหยิบยกชื่อของ นายเฉิน จื้อ ผู้ก่อตั้งกลุ่มปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกหลายประเทศเปิดปฏิบัติการทลายเครือข่ายยึดและอายัดทรัพย์ ซึ่งคงไม่ใช่แค่เพียงรายชื่อที่ปรากฏในปัจจุบันแต่ก็คงเป็นทั่วโลกที่จะมีการเสนอมาและใช้เวทีนี้แลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อดำเนินการกับอาชญากรรม โดย ปปง. ใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ในการดำเนินการเรื่องฟอกเงินในหลายกรณีที่ผ่านมา
เมื่อถามว่า หลายประเทศเดินหน้ายึดและอายัดทรัพย์สินของนายเฉิน จื้อ และเครือข่ายไปมากแล้ว อาทิ ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศสิงคโปร์ ประเทศเกาหลี เป็นต้น ในส่วนของไทยได้เริ่มนับหนึ่งกระบวนการสืบทรัพย์สินของนายเฉิน จื้อ หรือจะเริ่มดำเนินการออกคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์ อย่างไรหรือไม่ โดย นายกมลสิษฐ์ ระบุว่า ปปง. ทำงานอยู่แต่ไม่ได้บอก ยืนยันว่ายังอยู่ในกระบวนการ ขอให้ไม่ต้องห่วง ดำเนินการเริ่มมาพอสมควรแล้ว ส่วนเวทีครั้งนี้จะหารือกับประเทศใดเป็นพิเศษเพื่อหารือแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์หรือไม่นั้น เนื่องด้วยเป็นภาคีเครือข่ายสมาชิกของ APG ย้ำว่า เราใช้ทุกวิถีทางในการตัดวงจรกลุ่มอาชญากรรมเเละเครือข่าย อย่างที่เห็นว่าเวทีนี้มีการหยิบยกภัยคุกคามการค้ามนุษย์ การบังคับใช้แรงงาน อาชญากรรมทางเทคโนโลยี
เมื่อถามว่า ประเทศไทยกำลังถูกมองว่าอาจเป็นแหล่งอาชญากรรมและยังเป็นแหล่งฟอกเงินสำหรับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติด้วยนั้น รองเลขาธิการ ปปง. ชี้แจงว่า เราไม่ใช่ศูนย์กลางของการกระทำผิด แต่เป็นศูนย์กลางของแหล่งเศรษฐกิจ เพราะมีมิติความสะดวกและการเคลื่อนย้ายการเงินค่อนข้างสะดวก ซึ่งอาจเป็นเงินทุนที่เกี่ยวกับอาชญากรรมได้ แต่เราจะใช้เวที กลไก เเละเครื่องมือที่มีเพื่อดำเนินการไม่ปล่อยไว้เช่น วานนี้ 9 พ.ย. ตำรวจไซเบอร์ ร่วมกับ ปปง. อายัดทรัพย์สินเครือข่ายนายพัด สุภาภา หรือนายลี ยงพัด สมาชิกวุฒิสภา (นักธุรกิจชาวกัมพูชาเชื้อสายจีนและไทยเกาะกง ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท แอลวายพี กรุป (LYP Group) คนสนิทนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา) ซึ่งในเรื่องอาชญากรรม สำนักงาน ปปง. เน้นไปที่เครือข่าย พร้อมใช้กฎหมายยึดและอายัดทรัพย์สิน
เมื่อถามว่า รายชื่อ 43 ชาวต่างชาติซึ่งถูกทางการสหรัฐอเมริกาได้ขึ้นบัญชีเป็นบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติและการหลอกลวงออนไลน์ มีการประสานข้อมูลถือครองทรัพย์สินใดๆ ในประเทศไทยหรือไม่ รองเลขาธิการ ปปง. ระบุว่า ตามกฎหมาย ปปง. แล้วจะต้องมีการกระทำความผิดมูลฐานเกิดขึ้นก่อน แต่มาตรการในการสืบสวนทรัพย์สินสามารถใช้กฎหมายฟอกเงินได้ และแม้ไม่ใช่ผู้กระทำความผิดโดยตรง แต่ถ้าไปเกี่ยวข้องกับผู้กระทำความผิด ก็ถือว่าใช้กฎหมายนี้บังคับใช้ได้
"ส่วนเริ่มยึดและอายัดทรัพย์นายเฉิน จื้อ และเครือข่ายได้เมื่อไรนั้น คงยังพูดไม่ได้ทันที แต่ ปปง. ทำงานเต็มที่ สำหรับกรอบระยะเวลาขึ้นอยู่กับข้อมูลที่รวบรวมได้แต่คงไม่นาน จึงขอเวลาให้ ปปง. ได้ดำเนินการก่อน เราเข้าใจว่าสังคมมองการทำงานของ ปปง. แต่ย้ำว่าทำงานอยู่ขอให้ไม่ต้องห่วง จะแจ้งแน่นอน และคงบอกไม่ได้ในตอนนี้ว่ามีทรัพย์สินผิดกฎหมายอะไรในไทยหรือไม่"


