xs
xsm
sm
md
lg

โจรเฒ่าอ้างเป็นองคมนตรี-สนิทนายกหนู ฉกพระเครื่องมูลค่ากว่า 4 ล้าน แถมมีหมายจับอีก 7

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


นายชนะพล วงศ์สว่าง อายุ 66 ปี
ตาวัย 66 ปี อ้างเป็นองคมนตรี–คนในวัง คุยกับนายกอนุทิน ฉกพระเครื่องมูลค่ากว่า 4 ล้าน หมายจับ 7 หมาย

เมื่อวันที่ 6 พ.ย.68 พ.ต.อ.ชยชัย นาธนกาญจน์ ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี, พ.ต.ท.อิศราณุวัฒน์ ธนทรัพย์ทวี รอง ผกก.ป., และ พ.ต.ต.ภูรินท์ บุญชัยวงศ์ สวป. สภ.เมืองนนทบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ เข้าจับกุมตัวนายชนะพล วงศ์สว่าง อายุ 66 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร หลังได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุนนทรีว่ามีผู้เสียหายติดตามบุคคลต้องสงสัยตามหมายจับหลายคดี มายังบริเวณหน้าอู่ซ่อมรถ “ไฮเปอร์การาจ” ต.บางเขน อ.มืองนนทบุรี

พ.ต.ต.ภูรินท์ บุญชัยวงศ์ สวป. สภ.เมืองนนทบุรี เปิดเผยว่า ขณะเมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงที่เกิดเหตุ พบผู้ต้องหาตามที่แจ้งจึงเข้าควบคุมตัวและตรวจค้นโดยแสดงความบริสุทธิ์ใจให้ตรวจสอบ ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จากนั้นตรวจสอบประวัติผ่านระบบ POLICE CRIMES พบว่านายชนะพลเป็นบุคคลตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ จ.982/2565 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ข้อหา “ลักทรัพย์” และยังมีหมายจับค้างเก่ารวม 7 หมาย จากหลายท้องที่ทั่วประเทศ ทั้งคดีลักทรัพย์และฉ้อโกง โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ประเวศ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม นายชนะพล วงศ์สว่าง ผู้ต้องหา ถึงสาเหตุและแรงจูงใจในการก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว แต่เจ้าตัวปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล โดยระบุเพียงสั้น ๆ ว่า “ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ ขอให้การกับตำรวจเท่านั้น และจะว่ากันไปตามกระบวนการชั้นศาล” ทั้งยังพยายามหลบเลี่ยงไม่ให้ผู้สื่อข่าวถ่ายภาพขณะถูกควบคุมตัวอีกด้วย

นายสุรสิทธิ์ พรนิธิเขมพนต์ อายุ 50 ปี เจ้าของอู่ “ไฮเปอร์การาจ” ย่านหลังกระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 29 ต.ค.68 มีชายรายหนึ่งนำรถยนต์เข้ามาซ่อมหลังได้รับการแนะนำจากช่างเลี่ยมพระชื่อ “ปรีชา” ซึ่งเป็นคนรู้จักตนมีร้านอยู่ในซอยเรวดี โดยรถมีอาการหม้อน้ำรั่ว ตนจึงรับซ่อมให้ ใช้เวลาประมาณ 3-4 วัน รวมค่าซ่อมราว 9,000 บาท

ระหว่างซ่อมรถ ผู้ก่อเหตุได้พูดคุยตีสนิท สอบถามเรื่องพระเครื่องของตนที่สะสมไว้ ก่อนอ้างตัวว่าเป็นคนในวัง เป็นองคมนตรี เป็นรัฐมนตรีใหญ่ และมีบ้านอยู่เชียงใหม่มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท พร้อมอ้างว่ามีนายใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินกว่า 5,000 ล้านบาท ต้องการซื้อพระเครื่องทุกองค์ในราคาหลายล้านบาท โดยทำทีใช้โทรศัพท์เปิดแอป พลิเคชั่นหนึ่งแสดงภาพชื่อบุคคลระดับสูงขึ้นหน้าจอมือถือให้ตนเห็น แล้วพูดคุยทำเสียงเหมือนมีนายพลหรือเจ้ากรมทหารโทรเข้ามา คุยให้ตนได้ยิน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

ตนเห็นเขาคุยเหมือนจริงมาก เปิดเสียงโทรศัพท์ให้ตนฟัง บอกว่าองค์นี้แท้ องค์นั้นแพง แล้วทำเป็นพูดกับปลายสายว่าขอให้เก็บไว้ให้ด้วย 10 ล้าน ให้นับเงินเตรียมมา ตอนนั้นผมก็เริ่มเชื่อเพราะดูมีตัวตน มีการพูดถึงนายพลและองคมนตรี

ต่อมาวันที่ 5 พ.ย. หลังรถซ่อมเสร็จ ผู้ก่อเหตุได้นำรถกลับไป ก่อนจะอ้างว่าวันที่ 6 พ.ย. ก็คือวันนี้ จะมารับพระเครื่องไปให้นายดูเพื่อตีราคา โดยจะนำเงินสดมาจ่ายค่าซ่อมรถพร้อมกัน แต่ก่อนถึงเวลานัดหมาย ตนเริ่มเอะใจและได้ประสานตำรวจเข้าตรวจสอบ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะลงมือ ซึ่งโชคดีที่น้องชายตนซึ่งเป็นคนระวังตัว ลองใช้แอปแบบเดียวกันดู แล้วพบว่าเป็นแอปจำลองการโทร เขาคุยเองตอบเองทั้งหมด ไม่มีคนอยู่ปลายสายจริง เราเลยรู้ทันว่าโดนหลอกแน่ ๆ อีกทั้งยังไปเห็นพี่ทนายคนหนึ่งซึ่งได้โพสต์เกี่ยวกับการถูกหลอกขายพระในเฟซบุ๊ก และภาพผู้ก่อเหตุเป็นคนเดียวกัน จึงมั่นใจว่าเป็นมิจฉาชีพ ซึ่งเคยมีคดีกับผู้ชายคนนี้มาช่วยวางแผนล่อซื้อร่วมกับตำรวจสภ.เมืองนนทบุรี จึงจับกุมตัวไว้ได้ พบว่ามีหมายจับค้างอยู่จำนวนหลายหมาย

นายสุรสิทธิ์ กล่าวอีกว่า หากวันนั้นน้องชายไม่เอะใจและช่วยรั้งไว้ ตนอาจสูญพระเครื่องมูลค่ากว่าล้านบาท พร้อมฝากเตือนประชาชนให้ระวังมิจฉาชีพที่อ้างตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ใช้เทคโนโลยีปลอมเสียงและภาพการโทรเพื่อหลอกให้เชื่อถือ โดยเฉพาะผู้ที่สะสมของมีค่า ควรตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนเชื่อหรือส่งมอบทรัพย์สินให้ใคร

ขณะเดียวกัน นายอดิศักดิ์ พระโคตร อายุ 45 ปี ทนายความอีกหนึ่งผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เคยถูกชายคนเดียวกันหลอกเมื่อเดือนมีนาคม 2566 แต่งตัวดีทรงได้โดยอ้างว่าจะซื้อที่ดินร่วมในจังหวัดภูเก็ต เนื้อที่กว่า 27 ไร่ ระหว่างเดินทางไปดูที่ ผู้ต้องหาได้ตีสนิท อ้างตัวเป็น “นายท็อป” อดีตข้าราชการตำรวจประจำพระราชวัง และแสดงรูปภาพคู่บุคคลระดับสูงในเครื่องแบบ รวมทั้งโชว์สายโทรศัพท์ชื่อ “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” ให้ดูเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือลักษณะโทรคุยกัน

ผู้ต้องหายังอ้างว่าเคยเป็นกรรมการตัดสินพระเครื่องระดับประเทศ ถึงขนาดคนในวงการพระชื่อดังอย่างพยัพ คำพันธุ์ หรือพจน์ ท่าพระจันทร์ ยังต้องมาปรึกษา ตนก็เลยหลงเชื่อ และนำพระเครื่องที่สะสมไว้มาให้เขาดูจำนวน 11 องค์ เพื่อนำไปตรวจให้เมื่อถึงโรงแรมที่ภูเก็ต ผู้ต้องหาอ้างว่าจะนำพระไปตรวจที่อำเภอหาดใหญ่ ก่อนหยิบพระเครื่องทั้งหมดใส่กระเป๋าเสื้อไปจากรถของตน โดยพระเครื่องที่สูญหาย เป็นพระเลี่ยมทองทั้งหมด มูลค่ารวมกว่า 3 ล้านบาท ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็น พระหลวงปู่ทวดรุ่นเก่า หลายพิมพ์หลายรุ่น ที่ตนเก็บสะสมมานานและมีคุณค่าทั้งทางจิตใจและมูลค่าทางตลาดสูงมาก จากนั้นยังไม่พอยังหลอกให้ตนโอนเงินเพิ่ม 23,000 บาท อ้างเป็นค่ารถเทรลเลอร์ ก่อนเชิดหนีหาย ติดต่อไม่ได้

นายอดิศักดิ์ ยืนยันว่าพระที่สูญหายส่วนใหญ่เป็น “หลวงปู่ทวดรุ่นเก่า” หลายพิมพ์หลายรุ่น มีทั้งมูลค่าทางจิตใจและมูลค่าสูงในตลาด สุดท้ายเมื่อวานหลังจากที่เจ้าของอู่แจ้งเบาะแสจะวาฃแผนจับ วันนี้ตนจึงรีบนั่งเครื่องมาจากจังหวัดกระบี่เดินทางมาที่นนทบุรี เพื่อมาตามจับพร้อมตำรวจ และยังเชื่อว่านอกจากตนยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายมูลค่าคาดว่าหลัก 10 ล้านบาท










กำลังโหลดความคิดเห็น