ตำรวจไซเบอร์แถลงจับ 4 ผู้ต้องหาบริษัทโลจิสติกส์ ส่งพัสดุหลอกเก็บเงินปลายทาง ล้วงคองูเห่า รอง ผกก.
วันนี้ (31 ต.ค.) ที่กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ คล้ายคลึง รอง ผบช.สอท. พ.ต.อ.ปกรกิตติ์ ธนวรินทร์กุล ผกก.3 บก.สอท.2 แถลงผลการจับกุม 4 ผู้ต้องหา บริษัท โลจิสติกส์ส่งพัสดุหลอกเก็บเงินปลายทาง หลังล้วงคองูเห่า กะส่งลวง รองผู้กำกับ ตร.ไซเบอร์
พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.2 ได้ทำการสืบสวนหลัง มีผู้โพสต์เตือนภัยผ่านทางโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับกลุ่มมิจฉาชีพที่ส่งพัสดุไปยังผู้รับโดยที่ผู้รับไม่ได้สั่ง เพื่อหลอกเก็บเงินปลายทาง โดยมีผู้ตกเป็นเหยื่อจากมิจฉาชีพกลุ่มดังกล่าวแล้วหลายราย โดย มิจฉาชีพกลุ่มดังกล่าวยังได้ส่งพัสดุไปยังที่อยู่ของ พ.ต.ท.เอนก ยอดหมวก รอง ผกก.3 บก.สอท.2 เพื่อหวังหลอกเก็บเงินปลายทาง
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้โอกาสซ้อนแผน และร่วมกันสืบสวนติดตามเส้นทางการเงินย้อนกลับ จนพบหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึง นายศิวัจน์ ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทโลจิสติกส์ แห่งหนึ่ง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลอาญาเพื่อเข้าตรวจค้นบริษัทดังกล่าว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบริษัท โกดัง โลจิสติกส์ แห่งนี้ซึ่งมีที่ตั้งอยู่บนถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. และได้ควบคุมตัวนายศิวัจน์ อายุ 32 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัท พร้อมพนักงานอีก 3 ราย
โดยนายศิวัจน์ ยอมรับว่า ตนเองได้ร่วมกันส่งพัสดุหลอกเก็บเงินปลายทางจริง ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชุด ได้เข้าตรวจค้นโกดังอีกแห่งใน จ.ขอนแก่น ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่บรรจุสินค้าที่ไม่มีคุณภาพเพื่อส่งให้เหยื่อ โดยสามารถตรวจยึดของกลางเป็นคอมพิวเตอร์ จำนวน 4 เครื่อง พร้อมข้อมูลชื่อที่อยู่ของเหยื่อสำหรับจัดส่งกว่า 100,000 รายชื่อ โทรศัพท์มือถือ จำนวน 8 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคารของบุคคลอื่น (บัญชีม้า) จำนวน 10 เล่ม บัตร ATM ของบุคคลอื่น (บัญชีม้า) จำนวน 13 ใบ
ซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนแล้วสำหรับใช้สมัครส่งพัสดุเก็บเงินปลายทาง (COD) จำนวน 304 เลขหมาย กล่อง/ถุง บรรจุพัสดุที่ติดฉลากชื่อผู้รับพัสดุเตรียมส่ง จำนวน 494 ชิ้น กล่อง/ถุง บรรจุพัสดุแพ็กเรียบร้อยแต่ยังไม่ได้ติดฉลากชื่อผู้รับพัสดุ จำนวน 517 ชิ้น เสื้อผ้ามือสอง (ไว้บรรจุ) จำนวน 320 ตัว กล่องกระดาษเปล่าเตรียมไว้สำหรับบรรจุพัสดุ จำนวน 2,900 กล่อง และอุปกรณ์การแพ็คพัสดุพร้อมเครื่องพิมพ์สติกเกอร์ชื่อที่อยู่ของเหยื่อครบชุด
สอบสวนนายศิวัจน์ ให้การยอมรับว่า ตนเองเปิดบริษัทรับ-ส่งพัสดุ พร้อมทั้งเปิดเพจขายสินค้ามาได้ 1 ปี ทำให้มีรายชื่อลูกค้าที่ได้จากการยิงแอดโฆษณา จากนั้นได้เอารายชื่อลูกค้าที่เคยสั่งสินค้ากับตนเองมาเป็นเหยื่อในการส่งพัสดุที่เป็นพวกเสื้อผ้ามือสองที่เหมาซื้อในราคาถูกมา จากนั้นได้จ้างคนมาแพ็คสินค้าใส่กล่องพัสดุที่โกดังในพื้นที่ จ.ขอนแก่น เพื่อส่งให้เหยื่อตามที่อยู่ในฐานข้อมูลลูกค้าที่มี
โดยส่งแบบเก็บเงินปลายทาง หรือ Cash On Delivery (COD) ในราคาประมาณ 400 บาท ซึ่งผู้รับไม่ได้มีการสั่งจริงแต่อย่างใดใน 1 เดือนจะส่งสินค้าเก็บเงินปลายทางประมาณ 12,500 ชิ้น โดยสั่งการให้พนักงานในบริษัทเป็นผู้ทำระบบลูกค้า แล้วทยอยส่ง User ละ 100 ชิ้น ซึ่งตนเองคอยจัดหาบัญชีม้ามาเพื่อรับเงินค่าพัสดุเก็บเงินปลายทางจากบริษัทขนส่ง ทำให้มีรายได้ประมาณ 5 แสนบาทต่อเดือน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเช้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน
พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ กล่าวอีกว่าสำหรับการกระทำเช่นนี้ บริษัทขนส่งพัสดุเอกชนมีการตรวจสอบลูกค้าที่เอาพัสดุมาส่งด้วยเป็นปกติ แต่นายศิวัจน์ฯ เคยทำงานกับบริษัทขนส่งพัสดุมาก่อน จึงเห็นช่องโหว่ของระบบบริษัท จึงได้เปิด User ด้วยซิมผีที่จดทะเบียนแล้ว เพื่อเอามาลงทะเบียนเปิด User จำนวนมาก
โดยใช้ส่งพัสดุ User ละ 100 กล่องเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของระบบบริษัทขนส่งพัสดุ หากบริษัทขนส่งเห็นความผิดปกติของ User และบล็อก User นั้นแล้ว นายศิวัจน์ฯ คนร้ายก็ยังสามารถเอาซิมมือถืออื่นที่ลงทะเบียนแล้วมาเปิด User ใหม่ ทำให้แม้บริษัทขนส่งจะตรวจจับและบล็อก User ได้ คนร้ายก็สามารถเอา User ใหม่ มาใช้กระทำผิดได้อีก
 
                    

