กระทรวงดีอี -สตช.แถลงผลกวาดล้างแก๊งสแกมเมอร์ รวบผู้ต้องหา 73 ราย หนึ่งในนั้นมี รอง ผกก. รวมอยู่ด้วย ยึดทรัพย์กว่า 500 ล้านบาท ย้ำไม่เว้นแม้เจ้าหน้าที่รัฐ หากพัวพันเตรียมถูกดำเนินคดีทันที
วันนี้ (27 ต.ค. ) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ รอง ผบช.สตม. ร่วมแถลงผลการกวาดล้างแก๊งฉ้อโกงออนไลน์ และ การไล่ตรวจยึด Sim box อุปกรณ์สำคัญของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในช่วงวันที่ 1-26 ต.ค. ที่ผ่านมา สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 73 ราย แบ่งเป็นคนไทย 51 ราย ต่างชาติ 22 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1,400 ล้านบาท พร้อมกันนี้ ยังสามารถติดตามยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิดกว่า 522 ล้านบาท
นายไชยชนก กล่าวว่า สืบเนื่องจากนายกรัฐมนตรีที่มีการยกระดับ ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นวาระแห่งชาติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีการประชุมกันอย่างต่อเนื่องในทุกมติได้มีการยกระดับมาตรฐานการรับมือจัดการมากขึ้นกับปัญหาดังกล่าวในเชิงรุงมากขึ้นส่วนการประสานงานเวทีนานาชาติได้ไปเป็นตัวแทนประเทศไทย ประชุมอาเซียนยูเนสโก ในประเด็นที่กฎหมายเกี่ยวกับแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยได้มีการหารือในส่วนของปัญหาสแกมเมอร์ ที่พบว่าเป็นปัญหาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นายไชยชนก กล่าวต่อว่าขณะที่เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ที่ผ่านมา ได้เข้าร่วมพิธีลงนามอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ และการประชุมระดับสูง ที่มี 68 ประเทศ และสหภาพยุโรป เข้าร่วม ที่ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ทำให้เห็นว่าอาชญากรรมทางเทคโนโลยีถูกยกระดับเป็นวาระระดับโลกที่หลายประเทศให้ความตระหนักและแก้ไขปัญหา ซึ่งประเทศกัมพูชาได้เข้าร่วมประชุมดังกล่าวด้วย
ด้าน พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า หลังจาก ได้รับนโยบายจากทางรัฐบาล ยอมรับ ว่า ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สแกมเมอร์ สแกนเซ็นเตอร์ มีเป็นจํานวนมากและเป็นภัยต่อโลก หลังจากได้รับภารกิจตั้งแต่หนึ่งตุลาคมที่ผ่านมา ได้มีการวางโครงสร้างระบบ และกําลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากการการระดมกำลังกวาดล้างจับกุม ช่วงระหว่างวันที่ 1-26 ต.ค. ที่ผ่านมา สามารถจับผู้ต้องหา 73 คน คนไทย 52 คน ต่างชาติ 22 คน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1,400 ล้านบาทยึดทรัพย์ได้ 522 ล้านบาท ช่วยเหลือเหยื่อได้ 7 เคส เบื้องต้น ถือว่า ผลงานก้าวหน้าและเห็นผล แต่ก็ยังคงต้องทําต่อเนื่อง ที่ผ่านมามีหลายปฏิบัติการที่ตรวจจับ ทั้งมีคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้องและต่างชาติเข้าร่วมในกระบวนการ ขณะเดียวกันมีความร่วมมือกับนานาชาติ เช่น ความร่วมมือกับสถานทูตเกาหลี ในการจับกุมผู้มีความเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่าในปฏิบัติการดังกล่าว พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตํารวจเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ในตําแหน่ง รอง ผกก.(สอบสวน) ในพื้นที่ บก.น.2 ลักษณะ เกี่ยวข้องกับการร่วมเปิดบัญชีม้า มีเงินหมุนเวียนหลัก100 ล้านบาท โดยได้จับกุมและอยู่ระหว่างการดําเนินคดีทางกฎหมาย จากการสอบปากคำ รอง ผกก.รายดังกล่าวให้การปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเป็นเจ้าของคอกบัญชีม้ารับเงิน และขอประกันตัวในชั้นสอบสวน แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต ผู้ต้องหาจึงไปขอประกันตัวในชั้นศาลล่าสุดได้รับการประกันตัวออกมาแล้วพล.ต.ท.จิรภพ กล่าวอีกว่าการจับกุมดังกล่าว ตำรวจได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินจากกลุ่มเครือข่ายสแกมเมอร์คดีฟีนิกซ์แมกซ์ ซึ่งในข้อมูลเส้นทางการเงินพบชื่อของบุคคลดังกล่าวแต่แจ้งชื่อคำนำหน้าว่านาย ต่อมาได้ตรวจสอบชื่อของบุคคลดังกล่าวอย่างละเอียดตามทะเบียนราษฎร์และฐานข้อมูลของหน่วยงานราชการ จึงทราบว่าเป็นตำรวจระดับ รอง ผกก. จึงเสนอนำข้อมูลให้ศาลพิจารณาออกหมายจับ ยืนยันหากพบข้าราชการรายเล็กหรือรายใหญ่ หากมีความเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตามยืนยันจับกุมดําเนินคดีทุกราย
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวด้วยว่าในส่วนประเด็นการคัดกรองเข้มงวดรับมือต่างชาติหนีข้ามแดนแม่สอดพร้อมขยายผลแก๊งสแกมเมอร์ ช่วงที่ผ่านมาคนที่เข้ามาประเทศไทย ประมาณ 1,229 คน เป็นคนไทย 32 คน นอกนั้นเป็น ต่างชาติ โดยได้ประสานงานกับประเทศต้นทางในการสืบสวนสอบประวัติอย่างละเอียด ขอประวัติอาชญากรรมหรือการต้องโทษ ส่วนการปิดกั้นแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ. ปิดกั้นไปแล้ว กว่า 2,754 URL นอกจากนี้ยังมีการตรวจจับ ตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทลายซิมบ็อกซ์ต่อเนื่อง ทั้งที่ใจกลางเมืองสระแก้ว หรือที่ บางบัวทอง นนทบุรี โดยสามารถจับกุมพร้อมอุปกรณ์โทรเพื่อไปหลอกเหยื่อ ปัญหาดังกล่าว ได้หารือกับ กสทช.และบริษัท สเครือข่ายสื่อสารในการสกัดกั้น
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวอีกว่าในช่วงที่ผ่านมามีประชาชนเข้าแจ้งความคดีที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางออนไลน์ หรือถูกหลอกลวง ความเสียหายต่าง ๆ กว่า 1,000 คดีต่อวัน ความเสียหายกว่า หนึ่งร้อยล้านบาท เบื้องต้นตั้งเป้าภายในระยะเวลา 6 เดือนจํานวนคดีใหม่จะต้องลดลงจากเดิม และจะเห็นผลเป็นรูปธรรมถึงการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ต่าง ๆ ส่วนความร่วมมือกับต่างประเทศ ในการแก้ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้มีการหารือ กับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในการตั้งศูนย์เฉพาะกิจในการเชิญต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียมาแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกัน หาแนวทางปราบปรามอย่างเป็นทางการและจริงจังต่อไป


