"ทนายอนันต์ชัย" ร้องกองปราบ เอาผิด "พระสันติ"ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ปมด่า "บิ๊กเต่า" เสือกดำเนินคดีพระนอกรีต
วันนี้ ( 24 ต.ค.) ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม เข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ พระสันติ นราทร หรือพระสันติ ฐานิสฺสโร หรือ ฐานิสฺสโณ ผู้ดูแลสำนักวิปัสสนาสันติสถิตธรรม อ.เมือง จ.ชลบุรี ในข้อหา "ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน" กรณีต่อว่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.ในประเด็นที่ว่า "เสือกกับการดำเนินคดีกับพระ"
นายอนันต์ชัย กล่าวว่า เมื่อประมาณวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน TikTok นำเอาคลิปวิดีโอดังกล่าวของพระสันติพูดข้อความดังต่อไปนี้ “เลยฝากถึงท่านบิ๊กเต่า ท่าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ถ้าพวกท่านไม่มาเสือกซะอย่างเดียว พระจัดการเองได้ อย่าเอากฎหมายมาข่มพระ เล่นงานพระ ท่านให้เราทำยังไงล่ะ ก็พระเราไม่รู้กฎหมายก็มีรู้กฎหมายบ้าง ไม่รู้บ้างก็มี งู ๆ ปลา ๆ เพราะฉะนั้นตรงนี้ ต้องบอกท่านด้วยนะ ที่ท่านพูดอยู่นั้น ไม่ใช่เป็นความจริง พระเรามี พ.ร.บ.สงฆ์ แล้ว มีพระธรรมวินัยอยู่ เลยฝากถึงข้าราชการทุกชุดต่อไปด้วย ตำรวจรุ่น ๆ ต่อไป ไม่ใช่เฉพาะบิ๊กเต่านะ รุ่น ๆ ต่อไป ให้ท่านได้คิด เพราะพวกท่านนะเป็นชาวพุทธแล้ว ถ้าทำอย่างนี้ ทำให้ศาสนาพุทธในประเทศไทยนั้น จะมีความเสื่อมถอยไปอย่างแน่นอน เพราะเอาตำรวจมาจัดการพระ ไม่ถูกต้องตามพระวินัยอยู่แล้ว ไม่ใช่หน้าที่ แล้วก็ไม่สมควรด้วย ขอฝากไว้สำหรับท่านบิ๊กเต่าว่า ขอท่านอย่ามาเสือกอย่างเดียวพอแล้ว”
นายอนันต์ชัย กล่าวต่อว่า จากการวิเคราะห์คำพูดของพระสันติ ตนมองว่า คำว่า "เสือก" ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน หมายความว่า เข้าไปจุ้นจ้านในเรื่องของคนอื่นโดยไม่ใช่หน้าที่หรือโดยไม่สมควร โดยพระสันติได้พูดเน้นคำว่า "เสือก" ซ้ำ ๆ กันถึง 5 ครั้ง คำว่า "เสือก" อันเป็นการดูหมิ่น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจที่ใช้กฎหมายเข้าไปยุ่งเรื่องของพระหรือใช้กฎหมายจับพระโดยไม่ใช่หน้าที่ของตนเอง รวมทั้งการที่พระสันติพูดว่า "เอากฎหมายมาข่มพระ" เป็นการกล่าวหาว่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ นำกฎหมายมาข่มขู่พระภิกษุสงฆ์ ส่อไปในทางกล่าวหาว่า พฤติกรรมของตำรวจที่มีความประพฤติไม่ดีไม่ชอบ รังแกพระภิกษุสงฆ์ผู้ที่อ่อนแอกว่าและเป็นเหตุที่ทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อมถอย
นายอนันต์ชัย กล่าวอีกว่าพฤติการณ์และคำพูดของพระสันติ จึงถือเป็นการทำให้สังคมเข้าใจผิดและเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงาน อันถือเป็นความผิดอาญาบ้านเมือง แม้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ จะรับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ไม่ได้ทำอะไร ตนในฐานะที่เป็นผู้ปกป้องพระพุทธศาสนาและประชาชนคนหนึ่ง เห็นสมควรที่จะเพิกเฉยไม่ได้ จึงเข้ามากล่าวโทษให้ดำเนินคดีพระสันติส่วนสาเหตุที่พระสันติออกมาพูดดูหมิ่น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เกิดจากการที่ได้ปฏิบัติหน้าที่จับกุมและดำเนินคดีพระภิกษุสงฆ์ที่กระทำผิดกฎหมายเป็นจำนวนหลายรูปจนกระทั่งเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วประเทศในหลายคดี ทั้งคดีวัดไร่ขิง คดีสีกากอล์ฟ และคดีวัดพระบาทน้ำพุ ทั้งได้จัดตั้งศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา เพื่อรับเรื่องร้องเรียนพระภิกษุสงฆ์ที่กระทำผิดกฎหมายและเปิดให้ประชาชนแจ้งเบาะแสกรณีพบเห็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมของพระภิกษุสงฆ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มั่นคงและรักษาพระธรรมวินัยให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น
"ขอเรียกร้องไปยังพระอุปัชฌาย์ วัดต้นสังกัดของพระสันติ รวมทั้งคณะสงฆ์ผู้ปกครองในจังหวัดต้นสังกัด ให้เร่งดำเนินการตรวจสอบและติดตามตัวพระสันติมาดำเนินการตามพระธรรมวินัยโดยเร็ว มิเช่นนั้นก็อาจจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานได้" นายอนันต์ชัย กล่าว


