xs
xsm
sm
md
lg

รวบบัญชีม้า ตุ๋นเหยื่อโอนเงินสูญกว่า 8 แสน ตร.ตามอายัดทัน ส่งมอบคืน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ตร.ไซเบอร์แถลงผลจับกุมบัญชีม้าหลอกเหยื่อโอนกว่า 8 แสนบาท ก่อนตามอายัดทันตามยอดเงิน มอบคืนผู้เสียหาย

วันนี้ (21 ต.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 พล.ต.ต.ทรงกลด เกริกกฤตยา ผบก.ตอท. พ.ต.อ.สุวัฒชัย ศรีทองสุข รอง ผบก.ตอท. ร่วมแถลงปฏิบัติการรวบบัญชีม้าหลอกเหยื่อโอนกว่า 8 แสนบาท ตามอายัดทันตามยอดเงิน มอบคืนผู้เสียหาย

พล.ต.ท.สุรพล กล่าวว่า ในคดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม 2568 มีผู้เสียหายเป็นหญิง อายุ 57 ปี ชาว จ.สระบุรี เป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหาร ได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากมิจฉาชีพ อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลระโสม อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา แจ้งว่าได้มีการสำรวจให้ยื่นภาษีที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและให้ทางผู้เสียหาย แอดไลน์ชื่อ “Thanet Thongchai” โดยให้ผู้เสียหายจัดเตรียมเอกสารหลักฐานหลายอย่าง ประกอบด้วย สำเนาทะเบียนบ้าน ,สำเนาบัตรประชาชน ,สำเนาโฉนด ,เอกสาร ภดส.3 จำนวน 2 ชุด และแบบฟอร์มบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ในการส่งเอกสารไปยื่นที่องค์การบริหารส่วนตำบลระโสม เพื่อรับเงินชดเชยค่าโอนที่ดิน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้เสียหายเพิ่งได้รับโอนมรดกจากพ่อในพื้นที่ ต.ระโสม จึงเข้าใจว่าได้รับเงินชดเชยจริง

จากนั้นได้ให้ผู้เสียหาย แอดไลน์ชื่อ “ฝ่ายทะเบียนเอกสาร” โดยคนร้ายอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลระโสม และได้ให้ผู้เสียหาย ส่งข้อมูลชื่อ-สกุล ที่อยู่ และได้ส่งลิงก์ ซึ่งอ้างว่าเป็นลิงก์เกี่ยวกับเรื่องเอกสารเกี่ยวกับที่ดินขององค์การบริหารส่วนตำบลระโสม

โดยบุคคลในไลน์ดังกล่าวได้โทรวิดีโอคอลมาหาผู้เสียหาย และได้ให้ผู้เสียหาย โหลดแอป “Smart Lands” ซึ่งในระหว่างโหลดแอป ไลน์ดังกล่าวได้โทรวิดีโอคอลเป็นคนคอยบอกขั้นตอนในการขอแชร์หน้าจอ และได้ให้ผู้เสียหาย เข้าแอปธนาคารของผู้เสียหาย โดยไลน์ดังกล่าวได้ให้ผู้เสียหาย เข้าไปตั้งค่าในแอปธนาคารใหม่ และให้กดตาม

โดยเริ่มให้เข้าเมนูเปลี่ยนภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ รวมทั้งให้เปลี่ยนยอดวงเงินในการโอน และให้สแกนใบหน้า จากนั้นได้ส่งหนังสือเอกสารอนุมัติสั่งจ่ายสำนักงานกรมที่ดิน และให้ผู้เสียหาย ใส่รหัส 879098 ในแอปธนาคารของผู้เสียหาย ซึ่งอ้างว่าเป็นรหัสในการรับเงินชดเชยของที่ดินของผู้เสียหายเพื่อให้ยืนยัน หลังจากที่ผู้เสียหายใส่รหัสยืนยันตัวตามที่คนร้ายแจ้ง ปรากฏว่าเงินในบัญชีของผู้เสียหายถูกโอนออกไปจากบัญชี 1 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 879,098 บาท ก่อนเข้าแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ เพื่อดำเนินคดีกับแก๊งมิจฉาชีพ

ต่อมา พ.ต.อ.สุวัฒชัย ศรีทองสุข รอง ผบก.ตอท. พ.ต.ท.กัณห์พิพัฒน์ ปันแสน สว.กก.1 บก.สอท.2 ร่วมกันทำการสืบสวนจนทราบว่ายอดเงินของผู้เสียหายถูกโอนไปยังบัญชีธนาคารของ น.ส.นงลักษณ์ แสนประสิทธิ์ อายุ 32 ปี ชาว จ.ตาก ทำหน้าที่บัญชีม้าแถวที่ 1 ก่อนถูกโอนต่อไปยังบัญชีของ น.ส.ชุติมา แสนมะณี อายุ 40 ปี ชาว จ.ตาก ทำหน้าที่บัญชีม้าแถวที่ 2

ซึ่งทั้งสองเป็นผู้ร่วมขบวนการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเปิดบัญชีม้ารองรับการโอนเงินจากเหยื่อที่ถูกหลอก จึงออกหมายเรียกให้มาพบพนักงานสอบสวน เบื้องต้นสอบสวนทั้งสองยังให้การปฏิเสธ

โดยตำรวจดำเนินคดีในความผิดฐาน “กระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวก (เป็นผู้สนับสนุน) ในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดฐาน ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน , ร่วมกันแก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น ร่วมกันโดยทุจริต หรือ โดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ (รหัสทางอิเล็กทรอนิกส์) ของผู้อื่นที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้าค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสดหรือใช้เบิกถอนเงินสดโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ร่วมกันลักทรัพย์โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาเพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องหรือยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตนทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรจะรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่นใด“

ซึ่งชุดสืบสวนได้ดำเนินการติดตามอายัดเงินจากบัญชีคนร้ายได้ครบตามยอดเงินที่โอนไปทั้งสิ้นจำนวน 879,098 บาท จากการตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินในบัญชี พบว่าเป็นเงินของผู้เสียหายจากการถูกคนร้ายในกลุ่มขบวนการนี้หลอกให้โอนเงินเข้าบัญชี ทางตำรวจไซเบอร์จึงได้ดำเนินการประสานผู้เสียหาย เพื่อคืนเงินที่อายัดไว้ได้เป็นเช็คเงินสด จำนวน 879,098 บาท




กำลังโหลดความคิดเห็น