ตำรวจ สน.สายไหม ตรวจพื้นที่พบหนุ่มตามหมายจับ 4 หมาย ขณะขนแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์เต็มท้ายระกระบะ เตรียมนำไปสกัดเอาทองขาย อ้างซื้อมา 5 หมื่นบาท แต่ไม่มีหลักฐาน คุมตัวดำเนินคดี
วันนี้ (18 ต.ค.) พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น.2 สั่งการให้ พ.ต.อ.ณธัชพงศ์ กิรัมย์ ผกก.สน.สายไหม พ.ต.ท.สัญชัย คีรีรัตน์ รอง ผกก.ป. พ.ต.ต.นุกูล กิ่งเกล้า สวป.สน.สายไหม ร.ต.อ.พงศ์พัฒน์ ภิรมย์ รอง สวป.สน.สายไหม พร้อมสายตรวจชุดเคลื่อนที่เร็ว สน.สายไหม ร่วมกันจับกุมนายธนพงษ์ พิมพ์ทวด อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสุโขทัย ที่ จ.222 /2568 จ.225/2568 จ.228/2568 และหมายจับที่ จ.231/2568 ลงวันที่ 10 ก.ย.68 ข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น หรือคุ้มครองทรัพย์ หรือเข้าไปด้วยประการใด โดยเข้าช่องทางซึ่งไม่ได้จำนงให้เป็นทางเข้า โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือรับของโจร
พร้อมตรวจยึด ของกลางแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ บิทคอยน์ขนาดเล็ก 1 กระสอบ แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์บิทคอยน์ขนาดกลาง 66 แผ่น แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์บิทคอยน์ ขนาดใหญ่ 13 แผ่น ไม่สามารถชี้แจงที่มาได้ และรถกระบะอีซูซุ สีขาว-ดำ 1 คัน จับกุมได้บริเวณใกล้ปากซอยเพิ่มสิน 13/1 ถนนเพิ่มสิน แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม. เมื่อเวลา 18.40 น. วันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา
สืบเนื่องจากก่อนจับกุมขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.สายไหม กำลังออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบ พบรถยนต์กระบะขับผ่านมาบนถนนเพิ่มสิน โดยด้านหลังบรรทุกแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก ท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่ติดตามพร้อมแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจเรียกตรวจสอบ พบนายธนพงษ์ พิมพ์ทวด อายุ 32 ปี เป็นผู้ขับขี่ จากการตรวจสอบในระบบพบเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสุโขทัย 4 หมาย ควบคุมตัว
จากการตรวจสอบแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ที่บรรทุกมานั้น นายธนพงษ์ อ้างว่า กำลังจะนำไปหลอมสกัดเอาทองคำที่อยู่ในแผงวงจรออกไปขาย โดยซื้อมาในราคาประมาณ 50,000 บาท แต่กลับไม่สามารถแสดงหลักฐานการซื้อขาย หรือระบุที่ซื้อมาได้ เจ้าหน้าที่ตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบที่มาต่อไป และแสดงหมายจับทั้ง 4 หมาย ก่อนนำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.สายไหม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป