“อิทธิพร แก้วทิพย์” อสส.คนใหม่ มอบนโยบายบริหารงาน ต้อง “ยุติธรรม โปร่งใส ใส่ใจประชาชน” ยันมุ่งมั่นเพื่อประโยชน์ชาติและประขาชน ล้อแนวทางนายกฯ “สั่งงานวันนี้ เสร็จพรุ่งนี้”
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (8 ต.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อัยการสูงสุด แถลงนโยบายบริหารงานภายหลังจากได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยมีรองอัยการสูงสุด ผู้ตรวจการอัยการ อธิบดีอัยการที่ปฏิบัติหน้าที่ราชการส่วนกลาง อธิบดีอัยการภาค 1-9 และผู้บริหารเข้าร่วมรับฟัง
นายอิทธิพร กล่าวว่า แม้จะมีระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งเพียง 1 ปี แต่ก็มุ่งมั่นที่จะบริหารงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนภายใต้แนวคิด “ยุติธรรมโปร่งใส ใส่ใจประชาชนเพิ่มประสิทธิผลของงาน บริหารจัดการอย่างยั่งยืน” หรือ “Justice for People” โดยมีนโยบายที่สำคัญต่างๆ ดังนี้ นโยบายที่ 1 ยุติธรรมโปร่งใส จะมุ่งเน้นการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินคดีให้โปร่งใส รวดเร็ว และเป็นธรรม ลดปริมาณสำนวนค้าง ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของพนักงานอัยการ พัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารคดี ส่งเสริมความร่วมมือเชิงรุกระหว่างสำนักงานอัยการสูงสุดกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ สนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายเกี่ววกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจังเป็นรูปธรรมต่อเนื่อง
นอกจากการลงไปช่วยทำงานแต่ละสำนักงานจะเลือกสำนักงานในแต่ละจังหวัดทำโครงการนำร่องวางรูปแบบแนวคิดการทำงานใหม่ ว่า จะทำงานเช่นไรเพื่อแก้ปัญหาสำนวนค้างให้ยั่งยืน และควรเป็นรูปแบบที่พนักงานอัยการทั่วประเทศปฏิบัติ สำหรับการดำเนินคดีของพนักงานอัยการปัจจุบันก็มีเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยเหลือได้ การนำเอาเทคโนโลยีดังกล่าวใช้เพื่อช่วยค้นข้อมูลส่วนที่เหลือก็เป็นดุลพินิจของพนักงานอัยการ และต้องมีการเร่งรัดให้กระบวนการเข้าสู่ศาลได้อย่างรวดเร็ว
นายอิทธิพร กล่าวต่อว่า ส่วนนโยบายที่ 2 ในแง่ใส่ใจประชาชน พัฒนางานคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนให้ครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน เสริมสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นของประชาชน ต่อองค์กรอัยการผ่านการสื่อสารและการมีส่วนร่วม ปรับปรุงกระบวนการใกล่เกลี่ยข้อพิพาทให้ประชาชนเข้าถึงความยุติธรรมได้ง่ายขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการติดตามและบังคับคดีเพื่อรักษาผลประโยชน์สูงสุดของรัฐ รวมทั้งสนับสนุนการคุ้มครองเด็ก สตรี ผู้เสียหาย และผู้ต้องหาในกระบวนการยุติธรรม
นโยบายที่ 3 เพิ่มประสิทธิผลของงาน ตนได้เลียนแบบนโยบายของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่บอกว่า สั่งวันนี้เสร็จเมื่อวาน คือ การทำงานล่วงหน้าโดยไม่ต้องสั่ง ถ้าสั่งงานวันนี้ต้องเสร็จให้ทัน พัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มศักยภาพบุคลากร ทุกระดับ (Upskill Reskill) มีความคิดจะเรียกพนักงานอัยการมาทดสอบความรู้ทุกๆระยะเวลาตามความเหมาะสมพัฒนาและปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการทำงานที่รวดเร็วโปร่งใส และตรวจสอบได้ ลดขั้นตอนการทำงาน เสริมสร้างแนวคิดและทัศนคติของบุคลากรให้มุ่งเน้นความรับผิดชอบและประสิทธิภาพการทำงานเพื่อสนองตอบต่อประชาชน สร้างมาตรฐานจริยธรรมและธรรมาภิบาลของบุคลากรอย่างเคร่งครัด
และนโยบายที่ 4 บริหารจัดการอย่างยั่งยืน ด้วยการสร้างมาตรฐานการปฏิบัติงานให้เป็นรูปธรรมภายใต้แผนการดำเนินงานความเปลี่ยนแปลง สร้างความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านให้แก่พนักงานอัยการ เพิ่มช่องทางให้บุคลากรมีส่วนร่วมในการเสนอความคิดเห็นหรือแนวคิดในการพัฒนาสำนักงานอัยการสูงสุด นอกจากนี้ จะส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและแนวคิดสำนักงานสีเขียวเพื่อเป็นการใช้พลังงานให้คุ้มค่าและประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วย และขับเคลื่อนการบริหารงบประมาณให้มีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง และขับเคลื่อนการบริหารงบประมาณให้มีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง เพราะว่าอัยการสูงสุดมีวาระการดำรงตำแหน่งเพียง1ปี เมื่อเปลี่ยนคนมาใหม่มาแทน ทำให้ขาดความต่อเนื่องหลายๆด้าน ตนจึงให้ว่าที่ อสส.ทุกคนเริ่มต้นทำงานตามเป้าหมายที่วางไว้ เพื่อเมื่อถึงวันที่ได้มาเป็น อสส. จะได้เห็นผลงานของที่ทำมา
นายอิทธิพร กล่าวว่า ตนไม่สามารถบอกได้ว่านโยบายทั้งหมดที่กล่าวมาจะสัมฤทธิ์ผลได้ทั้งหมดหรือไม่ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจของบุคลากรทุกคนในองค์กร ซึ่งในการบริหารงานสำนักงานอัยการสูงสุดจะเน้นหลักการกระจายอำนาจและการมีส่วนร่วมของบุคลากร และมุ่งเน้นการสร้างคุณภาพชีวิตการทำงานที่ดีให้แก่บุคลากรในสำนักงานอัยการสูงสุด จึงขอให้ข้าราชการฝ่ายอัยการและบุคลากรทุกท่านปฏิบัติหน้าที่ภายใต้แนวคิด "Justice for People : ยุติธรรมโปร่งใส ใส่ใจประชาชน เพิ่มประสิทธิผลของงาน บริหารจัดการอย่างยั่งยืน" เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน
นอกจากการลงไปช่วยทำงานแต่ละสำนักงานจะเลือกสำนักงานในแต่ละจังหวัดทำโครงการนำร่องวางรูปแบบแนวคิดการทำงานใหม่ ว่าจะทำงานเช่นไรเพื่อแก้ปัญหาสำนวนค้างให้ยั่งยืน และควรเป็นรูปแบบที่พนักงานอัยการทั่วประเทศปฏิบัติ โดยแนวทางใหม่จะให้อัยการเรียกพยานมาสอบสวนด้วยเพื่อให้คดีรวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้อัยการจะเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยสืบค้นข้อมูลคดี เหมือนเช่นที่ประธานศาลฎีกาได้ออกข้อแนะนำไว้ ส่วนที่เหลือก็เป็นดุลพินิจของพนักงานอัยการ และต้องมีการเร่งรัดให้กระบวนการเข้าสู่ศาลได้อย่างรวดเร็ว
นายอิทธิพร กล่าวต่อว่า ส่วนนโยบายที่ 2 ในแง่ใส่ใจประชาชน พัฒนางานคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนให้ครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน เสริมสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นของประชาชน ต่อองค์กรอัยการผ่านการสื่อสารและการมีส่วนร่วม ปรับปรุงกระบวนการใกล่เกลี่ยข้อพิพาทให้ประชาชนเข้าถึงความยุติธรรมได้ง่ายขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการติดตามและบังคับคดีเพื่อรักษาผลประโยชน์สูงสุดของรัฐ รวมทั้งสนับสนุนการคุ้มครองเด็ก สตรี ผู้เสียหาย และผู้ต้องหาในกระบวนการยุติธรรม
นโยบายที่ 3 เพิ่มประสิทธิผลของงาน ตนได้เลียนแบบนโยบายของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่บอกว่าสั่งวันนี้ เสร็จพรุ่งนี้ คือ การทำงานล่วงหน้าโดยไม่ต้องสั่ง ถ้าสั่งงานวันนี้ต้องเสร็จให้ทัน พัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มศักยภาพบุคลากร ทุกระดับ (Upskill Reskill) มีความคิดจะเรียกพนักงานอัยการมาทดสอบความรู้ทุกๆระยะเวลาตามความเหมาะสมพัฒนาและปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการทำงานที่รวดเร็วโปร่งใส และตรวจสอบได้ ลดขั้นตอนการทำงาน เสริมสร้างแนวคิดและทัศนคติของบุคลากรให้มุ่งเน้นความรับผิดชอบและประสิทธิภาพการทำงานเพื่อสนองตอบต่อประชาชน สร้างมาตรฐานจริยธรรมและธรรมาภิบาลของบุคลากรอย่างเคร่งครัด
และนโยบายที่ 4 บริหารจัดการอย่างยั่งยืน ด้วยการสร้างมาตรฐานการปฏิบัติงานให้เป็นรูปธรรมภายใต้แผนการดำเนินงานความเปลี่ยนแปลง สร้างความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านให้แก่พนักงานอัยการ เพิ่มช่องทางให้บุคลากรมีส่วนร่วมในการเสนอความคิดเห็นหรือแนวคิดในการพัฒนาสำนักงานอัยการสูงสุด นอกจากนี้จะส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและแนวคิดสำนักงานสีเขียวเพื่อเป็นการใช้พลังงานให้คุ้มค่าและประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วย และขับเคลื่อนการบริหารงบประมาณให้มีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง และขับเคลื่อนการบริหารงบประมาณให้มีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง เพราะว่าอัยการสูงสุดมีวาระการดำรงตำแหน่งเพียง 1 ปี เมื่อเปลี่ยนคนมาใหม่มาแทน ทำให้ขาดความต่อเนื่องหลายๆด้าน ตนจึงให้ว่าที่ อสส.ทุกคนเริ่มต้นทำงานตามเป้าหมายที่วางไว้ เพื่อเมื่อถึงวันที่ได้มาเป็น อสส. จะได้เห็นผลงานของที่ทำมา
นายอิทธิพร กล่าวอีกว่า ตนไม่สามารถบอกได้ว่านโยบายทั้งหมดที่กล่าวมาจะสัมฤทธิ์ผลได้ทั้งหมดหรือไม่ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจของบุคลากรทุกคนในองค์กร ซึ่งในการบริหารงานสำนักงานอัยการสูงสุดจะเน้นหลักการกระจายอำนาจและการมีส่วนร่วมของบุคลากร และมุ่งเน้นการสร้างคุณภาพชีวิตการทำงานที่ดีให้แก่บุคลากรในสำนักงานอัยการสูงสุด จึงขอให้ข้าราชการฝ่ายอัยการและบุคลากรทุกท่านปฏิบัติหน้าที่ภายใต้แนวคิด ยุติธรรมโปร่งใส ใส่ใจประชาชน เพิ่มประสิทธิผลของงาน บริหารจัดการอย่างยั่งยืน” เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน