ตำรวจ สน.สุทธิสารจับกุมกลุ่มคนไทยคาโรงแรมย่าน ซ.ลาดพร้าว 18 ทำหน้าที่คอยเปิดบัญชีม้า-ถอนเงิน สารภาพมีนายจ้างชาวจีนคอยประสานสั่งการ
วันนี้ (3 ต.ค.) ที่ สน.สุทธิสาร พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น.2 พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.พ.ต.อ.พรเทพ เฉลิมเกียรติ ผกก.สน.สุทธิสาร พ.ต.ท.นิติธร ยศโชติวณิช รอง ผกก.สส.สน.สุทธิสารพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สน.สุทธิสาร ได้ร่วมกันกับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์คอยเปิดบัญชีม้า
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา เวลา 20.00 น. ตำรวจ สน.สุทธิสาร ได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีกลุ่มบุคคลจำนวนหลายคนเปิดห้องมั่วสุมเสพยาเสพติดและลักลอบเปิดบัญชีม้าให้แก๊งหลอกลวงออนไลน์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่งภาย ซอยลาดพร้าว 18 แขวงจอมพล เขตจตุจัตร กทม.
เจ้าหน้าที่ จึงได้สะกดรอยและติดตามโดยใช้สายลับเข้าไปคลุกคลีทำความสนิทสนมเพื่อให้ทราบว่า พักอยู่ที่โรงแรมเดียวกัน จากนั้นจึงได้วางแผนกันเข้าทำการตรวจค้นห้องพักดังกล่าวเจ้าที่ชุดสืบสวนจึงได้แสดงตัวและขอทำการตรวจค้น
จากการตรวจค้น ห้องหมายเลขห้อง 402 พบผู้ต้องหาจำนวน 8 คน อุปกรณ์การเสพยาเสพติดและยาเสพติดที่เหลือจากการเสพยาจำนวนหนึ่ง (ไอซ์) โดยผู้ต้องให้การรับสารภาพว่า เป็นกลุ่มคนไทยที่นัดมารวมกันเพื่อคอยถอนเงินออกจากบัญชีให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งจะมีหน้าทีคอยทำบัญชีให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และรับว่าได้เปิดห้องพัก อีกห้องหมายเลขห้อง 403 พบผู้ต้องหาอีกจำนวน 1 คนจึงได้ทำการตรวจค้นห้องพักดังกล่าว จากการตรวจค้น พบสมุดบัญชีธนาคาร บัตรกดเงินสด (ATM) โทรศัพท์มือถือและเงินสด
จากการสอบถามกลุ่มผู้ต้องหารับว่า ทั้งหมดได้รับจ้างเปิดบัญชีม้า และจะคอยถอนเงินให้นายดำรงค์ ภัทรเกษมภักดี ซึ่งเป็นคนติดต่อกับคนจีน ที่ชื่อ อาคัง โดยผู้ต้องหาจะมีหน้าที่นำเงินไปแลกเป็นเหรียญคริบโตที่ร้านรับแลกเงินเถื่อนย่านห้วยขวาง โดยจะมีชาวจีนที่ชื่อ อาคัง จะเป็นคนประสานและสั่งการ
ต่อมาชุดสืบสวนได้สืบสวนขยายผลและได้จับกุมจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มอีก จำนวน 2 คน ที่ โรงแรมแห่งหนึ่ง ถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กทม. ซึ่งเป็นบุคคลรับจ้างเปิดบัญชีม้าและเป็นกลุ่มแก๊งเดียวกันกับอาคัง
เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาทั้งในความผิด ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่าหรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใดและร่วมกันเป็นอั้งยี่ และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษไว้ในความครอบครอง