ผบ.ตร. รับนโยบายนายกฯ เดินหน้าปราบยาเสพติด-อาชญากรรม ยันเอาผิดตำรวจเกี่ยวข้อง ไม่ช่วยเหลือ พร้อมเร่งแก้ปัญหาค้ามนุษย์หวังยกระดับเทียร์
วันนี้ (1 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบนโยบายจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ว่า นโยบายสำคัญที่นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำและมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งเดินหน้าและขับเคลื่อน คือ เรื่อง ยาเสพติด และอาชญากรรม ในรูปแบบต่างๆ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวถึงกรณีการจับกุมสถานบริการในจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งมีการตรวจพบ ยาเสพติด และการพนัน ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด เพื่อพิจารณาว่ามีความผิดใดเกิดขึ้นบ้าง
"จะดำเนินการตามมาตรฐานเดิมในการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยจะดูการสอบปากคำและพิจารณาว่ามีข้าราชการตำรวจคนใดมีส่วนรู้เห็นหรือไม่ พร้อมให้คำมั่นว่าจะให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการตำรวจทุกคน แต่จะไม่มีการช่วยเหลือตำรวจใดๆ ที่กระทำผิดโดยเด็ดขาด ตำรวจเป็นอาชีพที่น่าเห็นใจ ทุกเรื่องต้องมาตกเป็นภาระของเราหมด แต่ก็เป็นหน้าที่ที่เราต้องกำกับควบคุม ทำงานร่วมกับฝ่ายปกครองตามนโยบายที่นายกรัฐมนตรีได้มอบเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าว พร้อมขอไปดูรายละเอียดข้อเท็จจริงของกรณีจังหวัดสุพรรณบุรีเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับตำรวจมากยิ่งขึ้น
สำหรับความคืบหน้าเรื่องการค้ามนุษย์ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยอยู่ใน ระดับเทียร์ 2 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีศูนย์ปราบปรามการค้ามนุษย์ในการดูแลเรื่องนี้ ซึ่งตนเองเคยเป็นรองผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์มาก่อน จึงเห็นปัญหาเรื่องนี้มาโดยตลอด
ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ตำรวจเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งในภาพใหญ่ของประเทศ มีหน้าที่ในการป้องกันและปราบปราม ส่วนผู้ที่ถูกหลอกไปใช้งานทั้งในและต่างประเทศ จะต้องมีการ คัดแยก อย่างชัดเจนว่าเป็นผู้เสียหาย เหยื่อ หรือผู้กระทำผิด ตำรวจจะเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติที่สำคัญในการช่วยให้การพิจารณาปรับระดับเทียร์ดีขึ้น
ทั้งนี้ จะต้องมีการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานความมั่นคงและกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้การสนับสนุนการปฏิบัติและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ตามตัวชี้วัดเพื่อยกระดับเทียร์ให้ดีขึ้น โดยยืนยันว่า จะมีการทบทวนกลไกและระบบ ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์จะถูก ดำเนินการทางวินัยโดยเด็ดขาด
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ตำรวจได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงและพิจารณากรอบกฎหมาย สิทธิมนุษยชน ทุกองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงหนังสือจากทางการประเทศจีน การส่งตัวชาวอุยกูร์ไม่ได้เกิดจากความต้องการของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่เป็นผลจากการหารือของหน่วยงานความมั่นคง โดยตำรวจเป็นเพียงหน่วยงานหนึ่งที่มีมติให้ปฏิบัติ ซึ่งการปฏิบัติในขณะนั้นก็ได้มีการวางแผนเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยและสัมฤทธิ์ผล
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยังกล่าวถึง การแบ่งมอบงานของรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่า ได้แบ่งมอบตามความรู้ความสามารถที่แต่ละท่านมีอยู่ โดยพิจารณาจากงานที่เคยรับผิดชอบในอดีต และความสามารถที่จะขับเคลื่อนตามนโยบายที่จะประกาศในวันนี้เป็นหลัก