ผบช.ก.เปิดงาน“CIB AI DAY 2025” นำAI เป็น “อาวุธใหม่” เพิ่มขีดความสามารถตำรวจสอบสวนกลาง ช่วยลดการทำงานเจ้าหน้าที่ 70-80%ให้มีเวลาสืบสวนสอบสวนคดีซับซ้อน พร้อมมอบรางวัลโครงการประกวด "AI Template Prompt" ส่งเสริมนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
วันนี้ (25 ก.ย.)ที่ สโมสร กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)พล.ต.ต. อธิป พงษ์ศิวาภัย ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ปอท.) เป็นประธานเปิดงาน “CIB AI DAY 2025” ที่สโมสร บช.ก. เพื่อสะท้อนวิสัยทัศน์ขององค์กรในการนำ AI มาเป็น “อาวุธใหม่” ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานของเจ้าหน้าที่ และมุ่งหวังลดภาระงานที่ไม่จำเป็นลง เพื่อให้ตำรวจมีเวลามากขึ้นในการทำงานเชิงสืบสวนสอบสวนที่ซับซ้อน
สำหรับไฮไลต์สำคัญของงานคือการนำเสนอผลงาน “Prompt สำเร็จรูป” หรือชุดคำสั่ง AI ที่สร้างขึ้นเพื่อลดขั้นตอนการทำงาน ซึ่งมาจากการประกวดไอเดียของเจ้าหน้าที่กว่า 82 กองบังคับการ พบว่าผลงานที่โดดเด่นสามารถลดขั้นตอนการทำงานได้ถึง 60.58% และลดเวลาทำงานได้มากถึง 85.81% โดยผลงานเหล่านี้จะถูกรวบรวมเป็นคลังความรู้กลางในระบบ e-Learning ให้เจ้าหน้าที่ทุกคนเข้าถึงและนำไปปรับใช้ได้จริง
นอกจากนี้ CIB ยังได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ AI ที่พัฒนาขึ้นเองเพื่อตอบโจทย์การทำงานเฉพาะทาง เช่น 'iJustice Chatbot' แชตบอตที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือและพูดคุยกับผู้เสียหายในคดีทางเพศอย่างละเอียดอ่อน, 'Detective Assistant' แชตบอตที่ทำหน้าที่รวบรวมและจัดระเบียบข้อมูลงานสืบสวน เพื่อช่วยเจ้าหน้าที่ในการวิเคราะห์คดี และ 'CIB Little Cop AI' เครื่องมือสำหรับสร้างสื่อการ์ตูนเพื่อเตือนภัยและให้ความรู้แก่ประชาชน
อีกทั้ง ภายในงานยังมีเวที AI Infrastructure และการเสวนาในหัวข้อ “AI เสริมพลัง กับความคาดหวังของประชาชน” ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ CIB ที่มุ่งมั่นนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อยกระดับการทำงานและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนอย่างแท้จริง รวมถึงการมอบรางวัลประกาศเกียรติคุณ Prompt Engineering สำหรับผู้ที่คิดค้นวิธีการทำงานร่วมกับ AI ที่มีผลงานยอดเยี่ยมด้วย
ต่อมา พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ได้แถลงวิสัยทัศน์ของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ด้าน AI ว่า CIB มุ่งมั่นพัฒนาองค์กรในทุกมิติ โดยเฉพาะการนำ AI มาเป็นเครื่องมือสำคัญ ซึ่งตนเชื่อว่า AI ไม่ได้ทำให้คนตกงาน แต่คนที่ใช้ AI ไม่เป็นต่างหากที่จะตกงาน และตนยังมองว่า AI เป็นอาวุธสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม ซึ่งภายใต้นโยบายดังกล่าว CIB ได้วางแผนการพัฒนาการทำงานโดยใช้ AI ไว้ 3 เฟส เฟสแรก คือมุ่งสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของ AI, เฟสที่สอง ให้เจ้าหน้าที่ได้เรียนรู้ ได้ทดลองใช้แอปพลิเคชัน AI ต่าง ๆ และเฟสที่สาม คือการนำ AI มาประยุกต์ใช้กับงานจริง ซึ่งเห็นผลเป็นรูปธรรมแล้วในวันนี้
ผบช.ก.กล่าวต่อว่า เป้าหมายต่อไปคือการพัฒนาระบบที่ช่วยลดงานที่ไม่จำเป็นต้องใช้คน เพื่อให้บุคลากรสามารถไปทุ่มเทกับงานสืบสวนที่มีความซับซ้อนมากขึ้น และยกระดับให้ตำรวจสอบสวนกลางเป็น “ตำรวจแนวหน้า” ที่ใช้เทคโนโลยีรับมืออาชญากรรมที่ซับซ้อนขึ้นทุกวัน สมกับคำขวัญ “มืออาชีพ เป็นกลาง เคียงข้างประชาชน” อย่างเต็มภาคภูมิ
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวอีกว่า ภายใต้สถานการณ์อาชญากรรมที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง CIB ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในฐานะเครื่องมือทรงประสิทธิภาพที่ทั้งผู้กระทำผิดและเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างก็ต้องนำมาใช้เพื่อก้าวให้ทันกัน และเพื่อเป็นการติดอาวุธให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ CIB จึงได้ร่วมมือกับ นายกระทิง เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิสซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี AI เข้ามาจัดการอบรมและพัฒนาองค์ความรู้ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมจัดงานนำเสนอโครงการที่นำ AI มาประยุกต์ใช้ในงานสืบสวนสอบสวนและงานธุรการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและยกระดับการให้บริการประชาชน
พล.ต.ท. จิรภพ กล่าวด้วยว่า เชื่อว่าการนำ AI มาใช้จะช่วยลดภาระการทำงานได้มากถึง 70-80% ทำให้เจ้าหน้าที่มีเวลาไปทำภารกิจอื่น ๆ และลดความเครียดจากการทำงานหนักได้ โดยมองว่า AI เปรียบเสมือนอาวุธที่ทั้งมิจฉาชีพและเจ้าหน้าที่ต่างก็ใช้ หากใครใช้ได้เก่งกว่าก็จะได้เปรียบมากกว่า ทั้งนี้ CIB ยังคงมุ่งเน้นความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อนำ AI มาปรับใช้ในการสืบสวนสอบสวนให้การทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น
ด้าน นายกระทิง เรืองโรจน์ พูนผล กล่าวว่า ตนรู้สึกภูมิใจในผลงานการใช้ AI ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะนำ AI มาใช้แล้ว ยังสามารถประยุกต์ให้เข้ากับระบบการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยดึงศักยภาพของ AI ออกมาได้สูงสุด นอกจากนี้ยังมองว่า AI เป็นเสมือนดาบสองคม ยิ่งมิจฉาชีพใช้งานเก่งเท่าไหร่ ตัวตรวจจับก็จะยิ่งต้องพัฒนาให้เก่งมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าใครจะนำเทคโนโลยีมาใช้ได้เร็วกว่า
นายกระทิง กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนในฐานะประชาชนทั่วไปก็ได้ติดตามข่าวสารและตรวจสอบความเรื่องอันตรายของ AI จากเพจ CIB ซึ่งเป็นเพจที่แจ้งเตือนข่าวสารได้รวดเร็ว ถูกต้อง และเชื่อถือได้ อีกทั้ง CIB ก็ยังมีการทำงานและมุมมองแบบครบทุกมิติ ในเรื่องการป้องกันอาชญากรรมออนไลน์ จึงอยากเชิญชวนให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากเพจ CIB เพื่อเป็นประโยชน์ในการป้องกันตนเองจากอาชญากรรมทางออนไลน์
นอกจากนี้ พล.ต.ท.จิรภพ ได้มอบรางวัลโครงการประกวด "AI Template Prompt" ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้ข้าราชการตำรวจนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ งานสืบสวน งานสอบสวน และงานอำนวยการ
โดยมีรายชื่อผู้ได้รับรางวัลดังนี้
ด้านงานสืบสวน AI วิเคราะห์รถต้องสงสัยจากภาพกล้อง LPR ว่าที่ พ.ต.ต.บดี ดวนพล สว.ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล.
AI จัดทำเอกสารการจับกุมอัตโนมัติ: ร.ต.อ.ภณวริษ ทองประกาศิต รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ป.
OSINT ค้นหาเงินกู้นอกระบบ: ด.ต.ยอดชาย ทองเพ็ชร ผบ.หมู่ กก.2 บก.ปอท.
ด้านงานสอบสวน
AI ในการตรวจสอบเครื่องหมายการค้า: พ.ต.ท.อัครพล เอี่ยมสำอางค์ รอง ผกก.1 บก.ปอศ.
ENVI-INVEST ระบบสนับสนุนการกำหนดประเด็นการสอบสวน: พ.ต.ท.หญิง ภิ์ษัชกร เลิศวิลัย สว.(สอบสวน) กก.4 บก.ปทส.
BrightGuide สำนวนไหนก็ทำได้: พ.ต.ท.หญิง วชิรา ธาวนพงษ์ สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ปทส.
ด้านงานอำนวยการ
สร้างการตระหนักรู้ ด้วยอินโฟกราฟิก จาก AI: พ.ต.ท.ชยาคมน์ โพธิ์ปรึก รอง ผกก.3 บก.ปปป.
AI ช่วยสรุปสถานการณ์การสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา: ส.ต.ต.หญิง ปิยธิดา ยมศรีเคน ผบ.หมู่ ฝ่ายอำนวยการ 2 บก.อก.บช.ก.
AI สรุปข้อมูลรายงานการสืบสวนเสนอผู้บังคับบัญชาในสาระสำคัญ: ร.ต.อ.ณัฐดนัย ปั้นสอาด รอง สว.กก.5 บก.ปอศ.
การประกวดครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกองบัญชาการสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติในการนำนวัตกรรมมาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อการทำงานยุคใหม่ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการขับเคลื่อนองค์กรให้ทันสมัยด้วยเทคโนโลยี