ตำรวจสายตรวจเมืองนนท์ ไหวพริบดีรวบหนุ่มมีพิรุธคาด่าน สอบประวัติพบเป็นผู้ต้องหาร่วมกับแก๊งเสือปุ่น หลอกเหยื่อหิ้วเงินสดซื้อรถยนต์ ก่อนลงมือปล้นเงินในห้างดัง
เมื่อเวลา 03.30 น.วันที่ 24 ก.ย.68 ร.ต.ต.สุรชาติ ขันดี รอง สว.ป.สภ.เมืองนนทบุรี ด.ต.สำเริง ไชยสาร,จ.ส.ต.นครินทร์ ปานันท์, ส.ต.อวรวิทย์ คัทฉพันธ์ ส.ต.ท.เทพพล พลเยี่ยม, ส.ต.ท.นัสทวัฒน์ เกตุแก้ว , ส.ต.ต.ภาณพงศ์ ศรีแสงใส, ส.ต.ต.สุรชาติ เอี่ยมรอดได้ร่วมกันจับกุมตัว นายชาติ เอี่ยมสำอาง (แกงค์เสือปุ่นร่วมกันปล้นรถยนต์กับพรรคพวกที่ทอมินอล21)อายุ 44 ปี ที่อยู่ 150/13 ม.4 ต.บางรักน้อย อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้คาด่านจุดตรวจจุดสกัด ป้องกันอาชญากรรมบริเวณ ถนนกรุงเทพนนท์ ใกล้ปากซอยกรุงเทพนนท์ 1 ต.บางเขน อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี พบรถโดยสารสาธารณะ (รถแท็กซี่) สีเขียวเหลือง หมายเลขทะเบียน ทพ 5615 กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่องไฟฉายเข้าไปบริเวณที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้า พบนายชาติ เอี่ยมสำอาง อายุ 44 ปี (ผู้ต้องหา) มีอาการตกใจและพยายามหลบหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงสงสัยว่าจะมีสิ่งของผิดกฎหมาย หรือเป็นผู้กระทำความผิด
หลังจากนั้นได้เรียกให้รถคันดังกล่าวชิดขอบทางด้านข้ายเพื่อขอทำการตรวจค้น ซึ่งก่อนทำการตรวจคันได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้นายชาติ ดูจนเป็นที่พอใจและยินยอมให้ตรวจค้น ผลการตรวจค้น ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย จึงได้ขอตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชน โดยได้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการเช็คประวัติ ผลปรากฏว่านายชาติ เป็นบุลคลตามหมายจับ หมายจับ ศาล อาญากรุงเทพใต้ ที่ 874/2568 ลงวันที่ 25 สิงหาคม 2568 ของ นายนายชาติ เอี่ยมสำอาง อายุ 44 ปี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ปล้นทรัพย์ โดยผู้กระทำแม้แต่คนหนึ่งคนใดมีอาวุธติดตัวไปด้วย โดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไปเพื่อให้พ้นการจับกุม" ซึ่งนายชาติ ยอมรับว่าตนเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและไม่เคยถูกดำเนินคดีนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งพฤติกรรมตามหมายจับ
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 มี.ค.68 นายชาติ และแกงค์เสือปุ่น ได้ทำการโพสต์ขายรถกระบะในโซเชียลทำให้ นายเอ(ผู้เสียหายที่1 นามสมมติ) สนใจซื้อรถคันดังกล่าวในราคา 430,000 บาท และได้มีการนัดดูรถที่ห้างทอมินอล 21 ซึ่งนายเอ ได้ส่งเพื่อนคือ นายบี(ผู้เสียหายที่2 นามสมมติ)มาดูรถแทน และนายเอมีการโอนเงินมัดจำให้กับนายบี เพื่อให้มาดูรถเบื้องต้นก่อนแล้วจำนวน 150,000 บาท และจะจ่ายเงินส่วนที่เหลือทั้งหมด หลังจากได้รับรถแล้ว แต่เมื่อนายบีมาถึงตามนัด ปรากฏว่า พบแก๊งเสือปุ่นจำนวน3ราย มีนายชาติ (ผู้ต้องหา) อยู่ด้วย และได้ให้นายบีขึ้นรถเพื่อจะพาไปดูรถกระบะที่จะทำการขาย แต่แก๊งเสือปุ่นได้ทำการใช้อาวุธปืนขึ้นมาข่มขู่ นายบี และให้นายบีเอาเงินมัดจำที่ได้มาเอามาให้กับคนในแก๊งเสือปุ่น ก่อนจะข่มขู่นายบี อีกครั้ง ให้โทรหานายเอ ว่าได้รับรถกระบะมาแล้ว และให้นายเอโอนเงินส่วนที่เหลือมาให้นายบี จำนวน 280,000บาท หลังจากนั้นแก๊งค์เสือปุ่นได้พานายบีฯ ขับรถออกมาจากจุดนัดพบและบังคับให้กดเงินสดจำนวน 180,000 บาท และให้ทางนายบีฯ กดโอนเงินเข้าบัญชีของแก๊งเสือปุ่นอีกจำนวน 110,000บาท หลังจากก่อเหตุเสร็จแล้วแก๊งเสือปุ่นได้ไล่ให้นายบี ลงจากรถแล้วทิ้งไว้กลางทาง หลังจากนั้นนายบีและนายเอจึงเดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สถานีตำรวจนครบาลวัดพระยาไกร ถ.เจริญกรุง แขวง วัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม หลังจากที่นายชาติ ทราบพฤติกรรมดังกล่าว นายชาติจึงให้การรับสารภาพตลอด ข้อกล่าวหา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี จึงได้นำตัวนายชาติ ส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลวัดพระยาไกร ถ.เจริญกรุง แขวง วัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามนายชาติ กล่าวว่า ตนนั่งรถแท๊กซี่กำลังกลับบ้าน เพราะพึ่งไปกินซูชิมา แต่มาเจอด่านตรวจก่อนถึงบ้าน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกตรวจค้น และสอบประวัติเจอว่าตนมีคดีอยู่ เป็นคดีที่ตนไปเป็นเพื่อนเสือปุ่น เรื่องการซื้อขายรถ ซึ่งตนก็ได้ปฏิเสธไปทีแรกว่าตนไม่มีหมายจับ แต่เมื่อถูกนำตัวมาที่ สภ.เมืองนนท์ พบว่าตนมีหมายจับจริง และเป็นคดีที่ตนไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนว่าถูกดำเนินคดีไปด้วย ซึ่งตนแค่ไปเป็นเพื่อนเสือปุ่น ตนไม่รู้ว่าเขาจะไปก่อเหตุทำอะไร แค่นั่งในรถอยู่กับพวกเขา ตนได้รับการติดต่อจากเสือปุ่นมาว่าให้ไปขับรถให้ ตนจึงไป ซึ่งตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง พอวันนี้ตนมาโดนจับตนรู้สึกงง เพราะตนไม่เคยไปทำอะไรผิดกฏหมาย ตนรู้สึกแย่ เพราะไม่ทันได้ตั้งตัว และยอมรับว่าเคยไปกับเสือปุ่นแค่ครั้งเดียวเรื่องซื้อขายรถ ส่วนเรื่องคดี