MGR Online-น.1 สั่ง บก.น.1 และ บก.น.6 ตรวจสอบ ขบวนการนายหน้า จ้างคนไร้บ้านเปิดบัญชีม้า 500-5,000 บาท ขู่ฟันตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง
กรณีที่มีการโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย และนำเสนอข่าวมีนายหน้าหาบุคคลไร้บ้าน (คนเร่ร่อน) ที่อยู่บริเวณสนามหลวงและพื้นที่โดยรอบ ว่าจ้างให้บุคคลไร้บ้านเปิดบัญชีม้า ราคา 500-5,000 บาท ธนาคารในพื้นที่ทำการตรวจสอบ หากมีบุคคลลักษณะดังกล่าวมาเปิดบัญชี พนักงานธนาคารจะสอบถามมากเป็นพิเศษ แต่ไม่มีหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบเรื่องนี้ตามมาตรวจสอบกรณีดังกล่าวนั้น
วันนี้ (18 ก.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น.ได้สั่งการ กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (บก.น.1) และกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 (บก.น.6) รับผิดชอบพื้นที่ สน.ชนะสงคราม สน.พระราชวัง สน.สำราญราษฎร์ รวมถึง สน.ในพื้นที่ใกล้เคียง ให้รีบดำเนินการตรวจสอบ กรณีบุคคลมีพฤติการณ์เข้าข่ายลักษณะคล้ายนายหน้า เป็นธุระจัดหาบุคคลไร้บ้าน และว่าจ้างให้ใช้ข้อมูลเปิดบัญชีม้า แล้วนำไปใช้กระทำผิดกฎหมาย
จากการตรวจสอบข้อมูลบุคคลไร้บ้าน พบว่าในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ มีบุคคลไร้บ้าน ประมาณ 1,200 คน โดยเฉพาะพื้นที่เขตพระนคร ที่ผ่านมา สน.ในพื้นที่ ได้มีการจับกุมบุคคลตามหมายจับ (คดีบัญชีม้า) มีลักษณะเป็นบุคคลไร้บ้านอยู่บ้าง และได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวน ขยายผลไปถึงผู้ชักชวน หรือจัดให้มีการซื้อขายบัญชีทุกราย
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการป้องกันการว่าจ้างบุคคลไร้บ้านเปิดบัญชี และนำไปใช้ในการกระทำความผิด ได้สั่งการให้ สน.ในพื้นที่รับผิดชอบ จัดทำข้อมูลบุคคลไร้บ้านในพื้นที่โดยละเอียด ประชาสัมพันธ์ให้บุคคลไร้บ้านทราบถึงความผิด และอัตราโทษของการเปิดบัญชีม้า รวมถึงขอความร่วมมือไปยังธนาคารที่มีที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงพื้นที่ ให้ช่วยเฝ้าระวังและตรวจสอบผู้มาขอเปิดบัญชีในลักษณะต้องสงสัย
สำหรับผู้เปิด หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้ หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์ ไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดอาญาอื่น เป็นความผิดตามพระราชกำหนด มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มาตรา 9 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนผู้เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ ให้มีการซื้อขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือให้มีการซื้อหรือขายเลขหมายโทรศัพท์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่น เป็นความผิดตามพระราชกำหนด มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มาตรา 10 หรือ 11 มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,000-500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ หากพบว่ามีตำรวจในสังกัด บช.น.รายใด เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในกรณีดังกล่าว จะดำเนินการทั้งทางวินัย และคดีอาญาโดยเคร่งครัด.