ศาลอาญาคดีทุจริตฯภาค 1 สั่งจำคุก 5 ปี นายกเทศมนตรีชัยนาท สั่งคนงานนำเครื่องสูบน้ำ- เครื่องตัดหญ้า ไปใช้หาประโยชน์ในศูนย์การเรียนรู้โดยมิชอบ
วันนี้ (17 ก.ย.) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 จ.สระบุรี ศาลได้อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อท50/2568 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายไตรศักดิ์ ปัทมรัฐจิรนนท์ นายกเทศมนตรี ต.เจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท เป็นจำเลย ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ
โจทก์ฟ้องระบุว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี ต.เจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท เป็นผู้ก่อตั้งศูนย์การเรียนรู้ตามรอยพ่อหลวง หรือสวนมะกรูดนายกใหญ่ยินยอมให้หน่วยงานราชการ และประชาชนทั่วไปใช้สถานที่เพื่อใช้จัดการประชุม จัดสัมมนาและจัดอบรมต่าง ๆ โดยเรียกเก็บค่าใช้จ่าย ในการขอใช้สถานที่ เช่น ค่าวิทยากร ค่าบำรุงรักษาศูนย์การเรียนรู้ ค่าอาหารว่าง และค่าอาหารกลางวัน โดยปิดป้ายไว้ที่ศูนย์การเรียนรู้ตามรอยพ่อหลวงหรือสวนมะกรูดนายกใหญ่และมีแผ่นพับที่มีข้อความแสดงค่าใช้จ่ายในการขอใช้สถานที่ โดยจำเลยนำครุภัณฑ์ประเภทเครื่องตัดหญ้าและเครื่องสูบน้ำซึ่งเป็นครุภัณฑ์ของเทศบาลต.เจ้าพระยา ไปใช้ในกิจการส่วนตัวในบริเวณพื้นที่ของปัทมรัฐจิรนนท์ฟาร์มและศูนย์การเรียนรู้ตามรอยพ่อหลวงหรือสวนมะกรูดนายกใหญ่ซึ่งเป็นกิจการส่วนตัวของจำเลย ทั้งได้สั่งการให้ลูกจ้างของผู้เสียหายไปทำงาน ที่ศูนย์การเรียนรู้ตามรอยพ่อหลวงหรือสวนมะกรูดนายกใหญ่ของจำเลย จึงเป็นการอาศัยอำนาจในตำแหน่งและ หน้าที่เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เป็นเหตุให้เทศบาลต.เจ้าพระยา ได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157พ.ร.ป. รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561มาตรา 172
จำเลยให้การปฏิเสธ
ทางไต่สวนได้ความว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีต.เจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท สั่งการให้คนงานซึ่งเป็นลูกจ้างของเทศบาลต.เจ้าพระยา ผู้เสียหายไปทำงานที่ สวนมะกรูดนายกใหญ่ของจำเลยและได้นำเครื่องตัดหญ้าของผู้เสียหายไปใช้ในสถานที่ดังกล่าวด้วย จึงเห็นว่าการที่จําเลยสั่งการให้คนงานซึ่งเป็นลูกจ้างของผู้เสียหายไปทำงานที่สวนมะกรูดนายกใหญ่ของจำเลยและได้นำ เครื่องตัดหญ้าของผู้เสียหายไปใช้ในสถานที่ดังกล่าวเป็นการใช้ประโยชน์จากบุคลากรและทรัพย์สิน ของผู้เสียหายซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐอันเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับ ตนเองหรือผู้อื่น ส่วนที่จำเลยนำสืบต่อสู้ว่าสวนมะกรูดนายกใหญ่ของจำเลยจัดตั้งขึ้นมาเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนหรือเกษตรกรในพื้นที่ให้ปลูกพืชใช้น้ำน้อยและพืชทางเลือกอื่น ๆ โดยยึดตามหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง ตามพระราชดำริขององค์พ่อหลวง ร.9 โดยมิได้เรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนที่เข้าไปศึกษาดูงานแต่อย่างใดนั้น ปรากฏป้ายอัตราค่าใช้จ่ายในการเข้าศึกษาดูงานซึ่งจำเลย
เบิกความรับรองว่าติดอยู่ภายในสวนมะกรูดนายกใหญ่ของจำเลยมีอัตราค่าวิทยากร ค่าอาหารและราคากิ่งพันธุ์พืช
ที่จําเลยจัดจําหน่ายภายในสถานที่ดังกล่าวด้วย แสดงให้เห็นว่านอกจากการเข้าศึกษาดูงานภายในสถานที่ดังกล่าว
แล้ว แม้หากเป็นส่วนราชการหรือประชาชนที่เข้าไปศึกษาดูงานอาจไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนของการใช้สถานที่
แต่จําเลยย่อมได้รับประโยชน์จากการขายกิ่งพันธุ์ไม้ที่จำเลยจัดจำหน่ายภายในสถานที่ดังกล่าว นอกจากนี้จำเลย ยังเบิกความรับว่าเหตุที่สั่งการให้คนงานของผู้เสียหายเข้าไปทำงานที่สวนมะกรูดนายกใหญ่และนำเครื่องตัดหญ้า ไปใช้ในสถานที่ดังกล่าวนั้นเพียงให้เข้าไปดูแลเฉพาะแปลงสาธิตและหอประชุมที่ใช้ในการประชุมของผู้เสียหาย เท่านั้น แต่จำเลยเบิกความว่าได้สั่งการให้คนงานเข้าไปทำงานในสถานที่ดังกล่าวซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวของจำเลย สัปดาห์ละ 2- 3 วัน และหากมีการประชุมบ่อยครั้งจำเลยจะสั่งการให้คนงานเข้าไปทำงานแทบทุกวัน
ซึ่งการที่จำเลยสั่งการให้คนงานเข้าไปทำงานและนำเครื่องตัดหญ้าไปใช้ในสถานที่ส่วนตัวของจำเลยนั้นย่อมเป็นประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยโดยตรง แม้หากจำเลยไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการอนุญาตเข้าไปศึกษาดูงานที่สวน มะกรูดนายกใหญ่ของจำเลยจริง จำเลยย่อมได้รับประโยชน์จากคะแนนนิยมของประชาชนในพื้นที่และย่อมส่งผลให้จำเลยได้รับเลือกตั้งหรือได้รับผลประโยชน์ในทางการเมืองอันเป็นการหาเสียงและการแถลงนโยบายของจำเลยสืบเนื่องจากการใช้ประโยชน์จากบุคลากรและทรัพย์สินของผู้เสียหายนั่นเอง
การกระทำของจำเลย เป็นการอาศัยโอกาสทางการเมืองจากตำแหน่งหน้าที่ของจำเลยเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยเอง จึงเป็น การแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นซึ่งเป็นการทุจริต ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 1 (1) จึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่เทศบาลต.เจ้าพระยา หรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นเจ้า พนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่เทศบาลตำบลเจ้าพระยา ผู้เสียหาย
ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการ
ปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามฟ้องจริง
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 การกระทำของ จำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151ซึ่งเป็น กฎหมายที่มีบทลงโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ลงโทษจำคุกจำเลย 5 ปี