ศาลอนุญาตให้ประกันคนละ 6 แสนบาท -ห้ามออกนอกประเทศ คดีจำคุก 6 ปี "เจ๋ง ดอกจิก" เรียกทรัพย์ แลกไม่ร้องเรียนอธิบดีกรมการข้าว ส่วน"ศรีสุวรรณ"พร้อมพวกโดนข้อหาสนับสนุน "ศรีสุวรรณ"ยันสู้ตามกระบวนการยุติธรรม-ด้าน"เจ๋ง ดอกจิก" ยอมรับและขอบคุณศาลที่ให้ความเมตตา ส่วน"อธ.กรมการข้าว"ย้ำปล่อยให้เป็นหน้าที่ของศาล
วันนี้ (17 ก.ย.) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง ตลิ่งชัน ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
กรณีเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2567 นายนัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าวในขณะนััน เข้าแจ้งความกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป.ต่อมาอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 ยื่นฟ้อง นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก อดีตข้าราชการเมือง ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและประธานกลุ่มรวมใจรักชาติ,นายศรีสุวรรณ จรรยาเลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย นักร้องเรียนชื่อดัง,น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัคร สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ,นายเอกลักษณ์ วารีชล คนสนิทนายศรีสุวรรณ,นางณพัชญ์ปภา จรรยา ภรรยานายศรีสุวรรณเป็นจำเลยที่ 1-5 กรณีเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและมีการเรียกรับทรัพย์สิน จำนวน 1.5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ร้องเรียนเรื่องทุจริตที่เกี่ยวข้องกับกรมการข้าว โดยตำรวจได้วางแผนเข้าจับกุมนายศรีสุวรรณได้คาบ้านพัก หลังนัดมอบให้เงินกัน ส่วนพวกที่เหลือถูกจับกุมในเวลาต่อมา ในความผิดฐาน เรียกรับทรัพย์สินจาก นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว
ต่อมาศาลพิพากษาจำคุก นายยศวริศ 6 ปี 4 เดือน ในข้อหาฐานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนนายศรีสุวรรณ และจำเลยอีก 3 รายศาลลงโทษจำคุก 4 ปีฐานเป็นผู้สับสนับสนุน
ภายหลังจำเลยทั้ง 5 รายได้ยื่นหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยชั่วคราวจำนวน 6 แสนบาท และศาลได้อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวโดยมีเงื่อนไขห้ามจำเลยทุกคนเดินทางออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
นายศรีสุวรรณให้สัมภาษณ์ภายหลังจากศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวว่า หลังจากนี้ตนจะต่อสู้ไปตามกระบวนการตามกฎหมายโดนตนยอมรับว่าไม่หนักใจ และเนื่องจากว่าพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมมาและที่ปรากฎอยู่ตามหน้าสื่อ เป็นพยานของฝ่ายตำรวจทั้งหมด ส่วนข้อเท็จจริงในส่วนของตนและจำเลยทั้งหมด ศาลไม่ได้นำมาเข้าสู่กระบวนการตามที่คาดหวังไว้ จึงเป็นช่องที่ทำให้ตนและจำเลยทั้งหมดต้องไปสู้กันต่อในชั้นศาลอุทธรณ์เพื่อให้พิจารณาข้อเท็จจริงอีกครั้ง และตนยังเชื่อมั่นว่าข้อเท็จจริงที่ตนและทีมทนายได้ดำเนินการยื่นให้ศาลพิจารณา ที่ยังไม่ปรากฎต่อสาธารณะในการยื่นอุทธรณ์ต่อไป
เมื่อถามว่ายังมีความหวังในชั้นศาลอุทธรณ์หรือไม่ นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า แน่นอนตนยังมีความหวังในชั้นศาลอุทธรณ์อย่างแน่นอน ส่วนเรื่องการปล่อยชั่วคราวภายหลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาศาลก็เมตตาให้ทีมทนายความทำเรื่องขออนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวทันทีจนในที่สุดก็อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวได้ ซึ่งตนก็ได้ใช้หลักทรัพย์จำนวน 6 แสนบาทที่เป็นที่ดินในจังหวัดกรุงเทพในการปล่อยตัวชั่วคราวครั้งนี้
ด้านนายยศวริศ ชูกล่อม หรือ"เจ๋ง ดอกจิก" เปิดเผยภายหลังว่า ตัวเองเคารพคำตัดสินของศาล ซึ่งประเด็นที่จะเป็นแนวทางการต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ คือ ประเด็นที่ศาลจะมองว่าตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่รัฐทำให้ลงโทษลงโทษจำคุก 6 ปี แต่ตัวเองมองว่า ตัวเองไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐเพราะการแต่งตั้งของนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นการแต่งตั้งเฉพาะตัว ซึ่งศาลยังไม่ได้ดูในรายละเอียด เพราะการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องมีองค์ประกอบ หลายอย่าง เช่น เงินเดือน ซึ่งที่ผ่านมาตัวเองไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับตำแหน่งดังกล่าว แต่ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกกังวลใจกับคำตัดสินเพราะมองว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ขณะเดียวกันจะมีการต่อสู้ในประเด็นการเชื่อมโยงจำเลยทั้งหมดในชั้นอุทธรณ์ โดยจะชี้แจงว่าตัวเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีความเชื่อมโยงกับจำเลยที่เหลือเนื่องจากไม่เคยได้รับผลประโยชน์อะไรจากจำเลยทั้งหมดและเชื่อว่าคำตัดสินในศาลชั้นสูงจะให้ความยุติธรรมกับตัวเอง
ซึ่งคำพิพากษาในวันนี้ศาลได้นำโทษ คดีคาร์ม็อบ 2 คดี ในพื้นที่เมืองพัทยาและกรุงเทพมหานครเมื่อปี 64 มารวมกับการพิจารณาในครั้งนี้ด้วย ทำให้มียอดรวมจำคุก 6 ปี 4 เดือน สำหรับหลักทรัพย์ในการยื่นประกันตัววันนี้ ตัวเองได้ใช้โฉนดที่ดินในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี มูลค่า 600,000 บาท ซึ่งเบื้องต้นศาล อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวแต่มีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
ด้านทนายความของนายยศวริศ ระบุว่า ส่วนตัวตั้งข้อสังเกตว่าศาลพิจารณาข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานของฝั่งผู้เสียหายและตำรวจ ซึ่งมองว่าเป็นการสรรหาพยานหลักฐานจากสิ่งที่ผู้เสียหายสร้างขึ้น โดยไม่ได้นำพยานหลักฐานของฝั่งจำเลยมาใช้ประกอบซึ่งหลังจากนี้ก็จะมีการรวบรวมพยานหลักฐานที่ต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ต่อไป
ขณะที่นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว บอกว่า ตนเองทราบข่าวจากหน้าสื่อ ว่ามีการพิพากษา ซึ่งตนเองไม่ได้ไปศาลในวันนี้ ก็บอกว่า ที่ผ่านมาได้ให้การไปกับศาลทั้งหมดแล้ว รวมถึงพยานหลักฐานต่างๆทั้งคลิปเสียง แชทไลน์ คลิปวิดีโอต่างๆ ที่ให้ไปตามข้อเท็จจริง ส่วนตัวมองว่า “เป็นกรรมของเขา เพราะว่าเขาทำกรรมมาเยอะแล้ว คนเราทำอะไรก็หนีกรรมไม่พ้น” ถ้าถามความรู้สึกส่วนตัวมองว่าเฉยๆ เพราะตนเองโดนกระทำมาเยอะ ถูกใส่ร้ายมาเยอะ ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการข้าว ซึ่งตนเองก็ค่อยๆแก้กันไป เพราะเราไม่ได้กระทำความผิด แต่ก็อาจจะมีบ้างที่ไปขัดผลประโยชน์กลุ่มคนบางกลุ่ม แต่ส่วนตัวก็ต้องยอมรับความเป็นจริง เพราะเป็นบุคคลสาธารณะ แค่ตนเองรู้ตัวว่าไม่ได้กระทำความผิดแค่นี้ก็เพียงพอ
เมื่อถามว่า รู้สึกโล่งใจหรือไม่ หลังมีคำพิพากษา นายณัฏฐกิตติ์ บอกว่า ตนเองไม่ได้รู้สึกอะไร ไม่ได้เอามาใส่ใจว่าจะติดเท่าไหร่ ตนก็ทำตามหน้าที่ของตนไปหมดแล้ว
เมื่อถามว่ามีอะไรจะพูดฝากไปถึง นายศรีสุวรรณ หรือ นายยศวริศ หรือไม่ นายณัฏฐกิตติ์ บอกว่า ตนเองไม่มีอะไรจะพูดถึง ขอปล่อยให้เป็นไปตามหน้าที่ของศาล อัยการ ตำรวจ ที่ตัดสินไปแล้ว ส่วนตัวไม่มีอะไรติดใจ เพราะถือว่าตนเองทำหน้าที่ของตนเองดีที่สุดไปแล้ว และสังคมจะได้ไม่ตราหน้าว่าตัวเองเป็นคนขี้โกง
เจ๋ง ดอกจิก งง! มีชื่อเอี่ยวครองโฉนดที่ดินวัดพระบาทน้ำพุ ทั้งที่เคยไปแค่ 2 ครั้ง
นอกจากนี้ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ได้พูดถึงประเด็นของวัดพระบาทน้ำพุ ว่ามีข่าวว่ามีชื่อถือครองที่ดินของวัด ระบุว่า ตนเองเคยไปวัดพระบาทน้ำพุแค่ 2 ครั้ง ก่อนอดีตเจ้าอาวาสถูกจับ 2 วัน บอกว่าตั้งใจ จะไปดูว่าพระที่ดังทำคุณงามความดีไว้เยอะ และที่ไปดูก็เพราะลูกสาวผมอยากจะไปเห็นสาธารณประโยชน์ที่ท่านทำไว้ เช่น เรื่องของลิง ผู้ป่วยติดเตียง หรือคนเฒ่าคนแก่ รวมไปถึงสนามฟุตบอล และอื่นๆ อีกอย่างตนเป็นคนชอบทำบุญ ครั้งนั้นที่ไปก็หยอดตู้บริจาคพวกค่าน่ำ ค่าไฟ ไม่ได้มีการโอนเงิน
เมื่อถามว่า ได้เจอหลวงพ่อหรือไม่ นายยศวริศ ตอบว่า ในครั้งแรกที่ไปเจอ มีคนมาบอกว่าหลวงพ่อจะเข้ามาที่วัด ให้รอ ตนเองก็รอ และได้เข้าไปแนะนำตัว ไปไหว้ไปกราบหลวงพ่อเพียงแค่ 5 นาที ตนก็กลับ และไม่ได้คุยอะไรกันต่อ
ส่วนเรื่องการครอบครองโฉนดนั้น นายยศวริศ ยืนยันปฎิเสธว่าไม่เป็นเรื่องจริง การที่จะถือครองโฉนดที่ดินได้ จะต้องสนิทกัน 5-10 ปี แต่ตนรู้จักแบบผิวเผินกับอดีตเจ้าอาวาสเพียงแค่ 2 วัน ถ้าตนมีชื่อครอบครองโฉนดที่ดินก็ดีจะได้นำมาประกันตัวในคดีนี้เลย
และเมื่อถามว่าสงสัยหรือไม่ ทำไมถึงมีชื่อออกมา
นายยศวริศ กล่าวว่า ก็ฝากนักข่าวไปถามให้ตนหน่อยว่าทำไม ตนก็สงสัย ส่วนจะถูกออกหมายเรียกหมายจับแถว 2 ตนก็ไม่กังวล