กองปราบบุกทลายขบวนการสวมบัตรประชาชนคนตาย ฟอกตัวเป็นคนไทย EP.2 ขบายผลจับเจ้าหน้าที่รัฐพร้อมนายหน้าเพิ่มอีก 10 ราย
วันนี้ ( 12 ก.ย.) ที่ กองปราบปราม พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. พ.ต.ท.พงศกร ตันอารีย์ รอง ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ต.อดิศร อินทิยศ สว.กก.2 บก.ป. และนายแสน สุรวิญญูวร ผอ.สปท. ร่วมแถลงผลปฏิบัติการ “ทลายขบวนการสวมบัตรเถื่อน ฟอกตัวเป็นไทย EP.2” จับกุมผู้ต้องหาได้ 10 ราย แบ่งเป็น กลุ่มนายหน้า 4 ราย คือ นายสุรินทร์ อายุ 56 ปี จับได้ที่กุฏิวัดวิมุตยาราม เขตบางพลัด กทม. , น.ส.นิภาพร อายุ 33 ปี , นายพนธกร อายุ 34 ปี ถูกจับที่จุดตรวจแม่ท้อ จ.ตาก และนายวิทยา อายุ 37 ปี ถูกจับในสวนลำไย จ.ลำพูน ทั้งหมดถูกดำเนินคดีในข้อหา “สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ , ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมและทำให้บุคคลไร้สัญชาติได้รับบัตรประชาชนโดยไม่ชอบ”
ส่วนที่เหลืออีก 6 รายเป็นกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ ประกอบด้วย น.ส.ชนิดาภา อายุ 50 ปี , น.ส.พีรญา อายุ 43 ปี , นายธนัช อายุ 48 ปี , นายธนวัธร์ อายุ 37 ปี , น.ส.กรลภัทร อายุ 32 ปี และน.ส.ชลธิชา อายุ 34 ปี โดยทั้ง 6 คนนี้ถูกจับกุมได้ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี และ กองปราบปราม ในความผิดฐาน “ เรียกรับผลประโยชน์ ปลอมแปลงเอกสาร และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ”
พล.ต.ต.วิทยา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้รับแจ้งว่ามีการโพสต์โฆษณารับทำบัตรประชาชนไทย ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลของจีน “เสี่ยวหงซู (XHS)” เจ้าหน้าที่จึงสืบสวนจนพบขบวนการสวมบัตร โดยแบ่งหน้าที่เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มนายหน้า ทำหน้าที่ติดต่อ รับเงิน และพาผู้ต้องหาไปสวมบัตร และ กลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ ทำหน้าที่ย้ายทะเบียนบ้าน-ออกเอกสารราชการอันเป็นเท็จ ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 68 เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้เกี่ยวข้องได้แล้ว 9 ราย และยึดหลักฐานจำนวนมาก กระทั่งขยายผลจนศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 1 ออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติม 10 รายในครั้งนี้ ทั้งนี้เบื้องต้นพบว่าขบวนการดังกล่าวมักใช้วิธีสวมบัตรบุคคลที่เสียชีวิตแต่ยังไม่แจ้งตาย ส่วนกรณีชาวต่างด้าว หากพบความผิดจะส่งตัวกลับประเทศ
ด้าน นายแสน สุรวิญญูวร ผอ.สปท. กล่าวว่าเจ้าหน้าที่เทศบาลที่ถูกจับเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานของเทศบาล ไม่ใช่ระดับผู้บริหาร
ส่วน พ.ต.ต.อดิศร เปิดเผยว่า จากข้อมูลเบื้องต้นพบเงินหมุนเวียนอยู่ในระดับหลักแสนถึงหลักล้าน และคาดว่าอาจสูงถึงเกือบสิบล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงินเพิ่มเติม
พล.ต.ต.วิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า คดีนี้ถือเป็นการทุจริตร้ายแรง เจ้าหน้าที่รัฐที่รับผลประโยชน์จะมีโทษหนัก ตั้งแต่จำคุก 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต รวมถึงข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ที่มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1–10 ปี พร้อมเตือนเจ้าหน้าที่และประชาชนอย่าหลงเชื่อหรือเข้าร่วมกระทำผิด เพราะการสวมบัตรประชาชนปลอมไม่เพียงผิดกฎหมาย แต่ยังสร้างความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศอย่างร้ายแรง