ตำรวจ ปอศ.ทลายบริษัทมายคาร์ เซอร์วิสฯ หลอกขายเพคเกจประกันสุขภาพรถมือสอง พบมีผู้ตกเป็นเหยื่อกว่า 250 ราย เสียหายรวม 30 ล้าน
วันนี้ (4 ก.ย.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ.พร้อมด้วย พ.ต.อ.กริช วรทัต ผกก.4 บก.ปอศ. ร่วมแถลงผลจับกุม นายอัศนัย อายุ 36 ปี น.ส.ณัฐปภัสร์ อายุ 42 ปี นายพัศพงศ์ อายุ 26 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 4974-6/2568 ลงวันที่ 29 ส.ค. 68 ข้อหา “ร่วมกันเป็นผู้รับประกันภัยโดยไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัย,นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ กล่าวว่าเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายที่ซื้อรถจากเต็นท์รถมือสองย่านบางแคและนนทบุรี ซึ่งเสนอแพคเกจ “ประกันสุขภาพรถยนต์/รับประกันคุณภาพรถยนต์มือสอง” ของบริษัท มายคาร์ เซอร์วิส พลัส 1989 จำกัด ที่รับประกันอะไหล่รถของลูกค้า พร้อมเก็บเบี้ยประกัน จำนวน 28,000 บาท
พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ กล่าวต่อว่า ภายหลังมีรถของผู้เสียหายเกิดอาการผิดปกติ เช่น เครื่องสะดุด เกียร์มีปัญหา หัวฉีดขัดข้อง จึงนำรถไปส่งซ่อมที่อู่ในเครือ แต่บริษัทปฏิเสธความรับผิดชอบ ไม่รับเคลมอ้างว่าราคาสูงเกินมาตรฐาน และอยู่นอกเงื่อนไขความคุ้มครอง ตนจึงสั่งการให้สืบสวนจนพบว่าบริษัทมายคาร์ฯ นั้นจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อปี 2565 มีนายอัศนัย,น.ส.ณัฐปภัสร์ และนายพัศพงศ์ เป็นกรรมการของบริษัท มีพฤติกรรมเสนอขายแพคเกจประกันสุขภาพรถยนต์/รับประกันคุณภาพรถยนต์มือสอง” ผ่านเต็นท์รถมือสองต่าง ๆ กว่า 20 เต็นท์ อ้างว่ามีอู่ในเครือข่ายกว่า 200 แห่ง เบี้ยประกันตั้งแต่ 9,000 – 100,000 บาท ให้ความคุ้มครองสูงสุด 3 แสนบาท ซึ่งมีลักษณะเป็นประกันภัย ต้องได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจฯ จากรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง แต่ไม่พบว่าบริษัทดังกล่าวมีใบอนุญาตแต่อย่างใด
ด้าน พ.ต.อ.กริช กล่าวว่า นอกจากนี้ยังพบว่าบริษัทมีการเผยแพร่คลิปโฆษณา ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “MY CAR Service PLUS” ปรากฎคลิปชายไทยอ้างตัวเป็นเจ้าของรถเก๋ง BMW นำรถไปซ่อมและได้รับความคุ้มครองจากประกันสุขภาพรถ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่จากการตรวจสอบพบชายคนดังกล่าวมีอาชีพเป็นแค่แมสเซ็นเจอร์ ได้รับการว่าจ้างจาก นายอัศนัย กรรมการของบริษัท ให้ถ่ายคลิปโฆษณาแลกเงินค่าจ้างแค่ 500 บาท โดยที่ไม่ใช่เจ้าของรถตัวจริง
พ.ต.อ.กริช กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบข้อมูลบริษัท พบเงินหมุนเวียนกว่า 30 ล้านบาท มาจากผู้ทำประกันจำนวน 259 ราย และกลุ่มเต็นท์รถคู่สัญญา จำนวน 52 ราย ซึ่งกรรมการทั้ง 3 รายนำไปใช้ส่วนตัว ไม่ได้จัดการกองทุนความเสี่ยง หรือกันเงินสำรองค่าสินไหมแต่อย่างใด จึงเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย และตรวจค้นบริษัทของผู้ต้องหา ตั้งอยู่ในพื้นที่ เขตหนองแขม กทม.และ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร และเข้าตรวจสอบเต็นท์รถมือสองอีก 2 แห่ง ย่านบางแค และนนทบุรี ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องด้วย จากการตรวจค้นบริษัทพบมีที่ตั้งเป็นทาวน์โฮม ไม่มีพนักงานหรือการประกอบกิจการแต่อย่างใด จึงตรวจยึดพยานหลักฐานและเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเอาไว้เป็นหลักฐานต่อไป
สอบสวน ผู้ต้องหา ให้การภาคเสธ ยอมรับเพียงว่าบริษัทเปิดดำเนินธุรกิจรับรองคุณภาพกับเต็นท์รถมือสอง รวมทั้งให้บริการซ่อมบำรุงและเซอร์วิสรถจากเต็นท์รถยนต์มือสองเท่านั้น จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป