MGR Online - "ดีเอสไอ" เปิดนิติกรรมอำพรางที่ดิน ‘เขากระโดง’ พร้อมภาพถ่ายสนามฟุตบอล-สนามแข่งรถทับลำคลองสาธารณะ ส่วนรับคดีพิเศษ รฟท. ต้องเป็นผู้ร้องทุกข์
วันนี้ (31 ส.ค.) รายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยข้อเท็จจริงที่ปกปิดอำพรางกรณีที่ดินเขากระโดง และสนามแข่งรถ เนื่องด้วยภายหลังศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ภาค 3 และศาลปกครองกลาง มีคำวินิจฉัยว่า ที่ดินรถไฟตามแผนที่แสดงเขตที่ดินของการรถไฟ ตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลาเขากระโดงเป็นที่ดินของรัฐ (มีการจัดทำแผนที่ รว.9 หลังศาลปกครองสั่งให้ทำและรับรองร่วมกันระหว่างกรมที่ดินกับ รฟท.แล้ว เมื่อปลายปี พ.ศ. 2567) อันเป็นที่ชัดเจนในส่วนของขอบเขตที่ดิน ซึ่งการที่ศาลต่างได้วินิจฉัยว่า เป็นที่ดินของรัฐ จึงต้องด้วยประมวลกฎหมายที่ดิน ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 ลงโทษตาม มาตรา 108 ทวิ กรณีบุกรุกยึดถือครอบครองสนามฟุตบอลเนื้อที่รวมกันมากกว่า 50 ไร่ ทั้งที่มีโฉนดและที่ครอบครองไม่มีโฉนด รวมสนามฟุตบอลมากกว่า 50 ไร่ เป็นความผิดทางอาญาที่เป็นคดีพิเศษที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลและมีความสลับซับซ้อน อีกทั้งมูลค่าความเสียหายจำนวนมากและเมื่อศาลจะพิพากษาให้ผู้กระทำผิดออกจากที่ดินด้วยเป็นผลดีต่อ รฟท. ไม่ต้องฟ้องคดีแพ่งขับไล่เอง อีกทั้งไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาล
รายงานของดีเอสไอ ระบุอีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ดินเลขที่ 3477 เนื้อที่ 37 ไร่ นั้น ครอบครัวนักการเมืองดัง มีการยกให้ต่อกันมาหลายทอดจนถึงรุ่นหลาน ต่อมาได้สร้างเป็นสนามฟุตบอล โดยหลานที่ได้รับต่อมามีการจดทะเบียนให้บริษัทแห่งหนึ่งเช่าเป็นเวลา 30 ปี จึงมีรายได้จากการให้เช่า แต่ในปี พ.ศ.2565 ก่อนมีการเลือกตั้งใหญ่ พ.ศ. 2566 หลานได้ยกกลับไปให้บิดา ซึ่งผิดปกติวิสัยการที่ลูกยกให้บิดา ทั้งนี้ เป็นการอำพรางที่ดินดังกล่าวซึ่งยังมีรายได้จากการให้เช่าที่ดินอีกด้วย
นอกจากนี้ รายงานของดีเอสไอ ยังพบอีกด้วยว่า บริเวณสนามแข่งรถ นอกพื้นที่ที่ดินการรถไฟเขากระโดง สร้างทับลำคลองสาธารณะ ทั้งที่กรมที่ดินได้ออกโฉนดกันคลองออกแล้วก็ตาม อันเป็นความผิดบุกรุก ยึดถือ ครอบครองที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งในส่วนนี้ ผู้ปกครองท้องที่ได้แก่ จังหวัด อำเภอ และเทศบาล ต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ส่วนการจะรับเป็นคดีพิเศษ จะต้องให้การรถไฟฯ เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ