MGR Online - กรมสอบสวนคดีพิเศษ รับเรื่อง "เครือข่ายประชาชนเข้มแข็ง" ตรวจสอบจัดซื้อชุดตรวจ ATK และวัคซีน Sinovac ช่วงโควิดระบาด เพื่อความโปร่งใส
วันนี้ (27 ส.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายวรา จันทร์มณี เลขาธิการเครือข่ายประชาชนเข้มแข็ง พร้อมด้วย นายสมเกียรติ ปัญญาใหญ่ ตัวแทนเครือข่ายฯ เข้ายื่นหนังสือถึง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อขอให้ตรวจสอบการจัดซื้อชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ Antigen Test Kit (ATK) และวัคซีน Sinovac ของกรมควบคุมโรค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี นายสมเกียรติ เพชรประดับ ผู้อำนวยการส่วนพิจารณาสำนวนร้องทุกข์ กองบริหารคดีพิเศษ เป็นผู้แทนมารับหนังสือ
นายวรา กล่าวว่า สืบเนื่องการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 มีการใช้งบประมาณหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งมีข้อกังขาถึงความโปร่งใสและประสิทธิภาพ โดยเฉพาะประเด็นวัคซีน Sinovac และชุดตรวจ ATK ยกตัวอย่างประเด็นที่เคยมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในขณะนั้น รวมถึงข้อสังเกตจากชมรมแพทย์ชนบท อาทิ ประเด็นที่พรรคฝ่ายค้านเคยตั้งคำถามถึงส่วนต่างมูลค่าหลายพันล้านบาทจากการซื้อวัคซีน Sinovac ในราคาที่สูงกว่าราคาซื้อจริง , การจัดซื้อแบบพิเศษ มีกล่าวหาว่ารัฐบาลเลี่ยงการจัดซื้อตามระเบียบปกติ โดยใช้ช่องทางพิเศษเพื่อให้องค์การเภสัชกรรมเป็นผู้จัดซื้อ ซึ่งเป็นการจัดซื้อแบบเชิงพาณิชย์ ไม่ใช่แบบรัฐต่อรัฐ , การขาดความหลากหลายของวัคซีน และการจัดหาวัคซีนชนิด mRNA ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าล่าช้า อีกทั้งมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีน Sinovac โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับวัคซีนชนิดอื่นๆ รวมถึงมีการตั้งข้อกล่าวหาว่าการจัดซื้ออาจเข้าข่ายการทุจริต เนื่องจากมีข้อมูลว่าบริษัท Sinovac เคยมีประวัติการติดสินบนเจ้าหน้าที่ในต่างประเทศ
"นอกจากนี้ ชมรมแพทย์ชนบทยังเคยตั้งข้อสังเกตถึงประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ 1.วัคซีน Sinovac มีประสิทธิภาพต่ำกว่าวัคซีนไฟเซอร์ หรือแอสตราเซเนกา โดยเฉพาะในการป้องกันเชื้อสายพันธุ์เดลต้า 2.มีการวิจารณ์การตัดสินใจของรัฐบาลที่ไม่เข้าร่วมโครงการจัดหาวัคซีน COVAX และมุ่งเน้นแต่ Sinovac และแอสตราเซเนกาเป็นหลัก 3.ตั้งข้อสังเกตถึงปัญหาวัคซีนล้นคลังและมีการกระจายวัคซีนใกล้หมดอายุไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) จำนวนมาก ทำให้เกิดคำถามว่าเป็นการนำวัคซีนไปทิ้งที่ปลายทางหรือไม่ แทนที่จะรวบรวมเพื่อนำไปทำลายอย่างถูกวิธี"
นายวรา กล่าวต่อว่า เครือข่ายประชาชนเข้มแข็งจึงขอให้ดีเอสไอ เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา หากพบความผิดให้พิจารณาเป็นคดีพิเศษ โดยมีประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1.ตรวจสอบราคาจัดซื้อวัคซีน Sinovac และ ATK ว่าสูงเกินกว่าราคาตลาดหรือไม่ 2.ตรวจสอบการสั่งซื้อวัคซีน Sinovac จำนวนมากถึง 12 ล้านโดสในระยะหลัง ทั้งที่มีข้อมูลว่ามีข้อจำกัดในการป้องกันเชื้อสายพันธุ์ใหม่ 3.กระบวนการคัดเลือกผู้จัดจำหน่ายขาดความโปร่งใส หรือมีการใช้อำนาจแทรกแซงทางนโยบายหรือไม่ 4.ตรวจสอบว่าหน่วยงานรัฐละเลยคำเตือนของผู้เชี่ยวชาญและภาคประชาสังคมเกี่ยวกับคุณภาพของ ATK และประสิทธิภาพของวัคซีนหรือไม่
นายวรา ระบุอีกว่า สาเหตุมายื่นหนังสือในช่วงนี้มีความเกี่ยวข้องกับกรณี นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย และประธานชมรมแพทย์ชนบท ที่ถูกคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงมีมติให้ออกจากราชการกรณีการจัดซื้อชุดตรวจ ATK ซึ่งส่วนตัวมองว่า หากจะตรวจสอบความเหมาะสมของราคาชุดตรวจและวัคซีนก็ควรจะทำให้เกิดบรรทัดฐานเดียวกันทั้งประเทศ ส่วนการตรวจสอบจะดำเนินไปถึงบุคคลใดนั้น ก็อยู่ที่การสอบสวนของดีเอสไอ
นายวรา กล่าวทิ้งท้ายว่า การใช้งบประมาณจากภาษีประชาชนจำนวนมหาศาลต้องมีความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ จึงขอให้ดีเอสไอดำเนินการในเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อสร้างความเป็นธรรมและเป็นบรรทัดฐานในการบริหารงานภาครัฐที่มีธรรมาภิบาลต่อไป