MGR Online - รมว.ยธ.-กรมคุ้มครองสิทธิ เปิดงาน "22 ปี กฎหมายคุ้มครองพยาน ยืนหยัด เคียงคู่กระบวนการยุติธรรมไทย" เชื่อมั่นพยานปลอดภัย 100%
วันนี้ (26 ส.ค.) เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุม 10 – 09 ชั้น 10 อาคารกระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “22 ปี กฎหมายคุ้มครองพยาน ยืนหยัด เคียงคู่กระบวนการยุติธรรมไทย” โดยมี น.ส.เอมอร เสียงใหญ่ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นผู้กล่าวรายงาน
น.ส.เอมอร กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ แถลงความสำเร็จการบังคับใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2565 ที่มีผลบังคับใช้มากว่า 22 ปี ยืนยันบทบาทสำคัญของกฎหมายดังกล่าวในการสร้างความมั่นใจให้พยานบุคคล ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่เริ่มใช้กฎหมายจนถึงปัจจุบันมีพยานเข้าสู่โครงการคุ้มครองพยานแล้วกว่า 1,630 เรื่อง รวม 3,193 ราย โดยมีการบูรณาการ การทำงานร่วมกับหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับการคุ้มครองพยาน ประกอบด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมราชทัณฑ์ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน สำนักงาน ป.ป.ส. สำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงาน ป.ป.ท. สำนักงาน ก.ก.ต.
น.ส.เอมอร กล่าวอีกว่า พยานทุกคนได้รับความปลอดภัย 100% และได้รับคำชื่นชมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าเป็นพยานที่มีคุณภาพ สามารถให้การตามข้อเท็จจริงโดยไม่ถูกแทรกแซงจากภายนอก และมีผลงานเด่นในรอบ 22 ปี ได้แก่ 1.การคุ้มครองพยานคดีค้ามนุษย์ (เช่น คดีแก๊งนกฮูก, คดีค้ามนุษย์เกาหลี และสแกมเมอร์) 2.การคุ้มครองพยานคดีความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนใต้ (คดีระเบิดบิ๊กซีปัตตานี) 3.การคุ้มครองพยานคดีทุจริต (เช่น คดีฟุตซอล) และ 4.การคุ้มครองพยานคดีเลือกตั้ง (การเลือกตั้งท้องถิ่น)
"นอกจากนี้ การแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองพยาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2565 ได้ขยายความหมายของ “พยาน” ให้ครอบคลุมถึงผู้แจ้งเบาะแส ผู้ร้องทุกข์ และผู้เกี่ยวข้องในคดีทุจริตการเลือกตั้งและการทุจริตอื่นๆ ซึ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพของกระบวนการยุติธรรมให้รัดกุมยิ่งขึ้น" น.ส.เอมอร กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า การคุ้มครองพยานคือหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนความยุติธรรมของประเทศ เราจะยังคงยึดมั่นในหลักการ ‘ลับ รวดเร็ว ปลอดภัย’ เพื่อให้พยานทุกคนมั่นใจได้ว่า จะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด อันเป็นไปตามนโยบาย ‘ความยุติธรรมสำหรับทุกคน หรือความยุติธรรมนำประเทศ’
พ.ต.อ.ทวี เผยว่า สำหรับทิศทางอนาคต ในอีก 10 ปีข้างหน้า งานคุ้มครองพยานของไทยจะถูกยกระดับสู่มาตรฐานสากล ผ่านการบูรณาการ การทำงานร่วมกับหน่วยงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับภัยอาชญากรรมข้ามชาติและอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พร้อมทั้งพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมบุคลากรทั่วประเทศและนำเทคโนโลยีความปลอดภัยสมัยใหม่มาเสริมประสิทธิภาพการทำงาน
ทั้งนี้ กิจกรรมภายในงาน จัดงานภายใต้แนวคิด : “Voice of the shadow.” โดยเปรียบเทียบการเป็นพยานเหมือนผู้ที่ต้องอยู่ในเงามืด ปิดบังตัวตนเพื่อความปลอดภัย แต่สามารถบอกเล่าเรื่องราวความจริงเพื่อสร้างความยุติธรรมให้กับสังคม ภายในงานมีนิทรรศการ และกิจกรรม เช่น นิทรรศการพัฒนากฎหมาย : นำเสนอเกี่ยวกับการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองพยานอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและประสิทธิภาพในการใช้บังคับให้เกิดผลประโยชน์สูงสุด นิทรรศการแสดงความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในการประสานและร่วมมือกับหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานและในด้านข้อมูล เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองความปลอดภัยของพยาน การเสวนาหัวข้อ “22 ปี กฎหมายคุ้มครองพยาน ยืนหยัดเคียงคู่กระบวนการยุติธรรมไทย” โดยผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ ผู้แทนกระทรวงกลาโหม ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พันตำรวจโทธัญญะ ระย้า ผู้อำนวยการสำนักงานคุ้มครองพยาน และ นายไพฑูรย์ สว่างกมล ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการคุ้มครองพยาน
สำหรับประชาชนที่มีความสนใจและต้องการสอบถามข้อมูลหรือข้อสงสัยต่างๆ เพิ่มเติม สามารถติดต่อผ่านช่องทางเว็บไซต์ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และสำนักงานยุติธรรมจังหวัดทั่วประเทศ หรือ สถานีตำรวจทั่วประเทศ ศูนย์ปฏิบัติการคุ้มครองสิทธิ คดีค้ามนุษย์จังหวัดกระบี่ จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดนครพนม และจังหวัดลำพูน หรือสอบถามผ่านทางสายด่วนยุติธรรม โทร 1111 กด 77 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง