ผบช.ไซเบอร์ เตือน ปชช.หลังมีบริษัทรับการสแกน QR และสแกนม่านตา สำหรับ World ID มีความเสี่ยงข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล
วันนี้ (22 ส.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. กล่าวเตือนประชาชนในการสแกน QR และสแกนม่านตา สำหรับ World ID แลกเงินดิจิทัลเป็นค่าตอบแทน โดยระบุว่า ในเรื่องนี้การสแกนม่านตาเป็นการเก็บข้อมูลทางชีวภาพ ข้อมูลอัตลักษณ์ส่วนบุคคล ซึ่งถ้าเราให้ไปแล้วทางผู้รับไปแม้จะบอกว่ามีการลบภาพดวงตาเราออกไปแล้ว แต่ก็มีการเปลี่ยนภาพดวงตาเป็นข้อมูลประเภทอื่น และไม่สามารถนำย้อนกลับมาใช้ได้ก็ตาม แต่เมื่อมีการเปลี่ยนข้อมูลแล้วก็ยังมีความเสี่ยงในการตรวจสอบย้อนกลับมาได้ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่ามีกฎหมายใดที่จะมาตรวจสอบ และคุ้มครองข้อมูลของผู้ที่สแกนใบหน้าและม่านตาไม่ให้ตกไปถึงบุคคลที่ไม่หวังดี
จึงอยากออกมาเตือนพี่น้องประชาชน หากท่านจะไปสแกนม่านตาให้เก็บไว้ มันคือข้อมูลอัตลักษณ์ส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งแน่นอนหากมีการรั่วไหลไปก็อาจจะมีคนนำไปใช้ในเรื่องอื่นได้
พล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวอีกว่า ในส่วนของตำรวจไซเบอร์ได้มีการตรวจสอบพบว่าในหลายๆ ประเทศ อย่างเช่น ประเทศสเปนได้ออกคุ้มครองชั่วคราว สั่งให้หยุดเก็บและประมวลผลข้อมูลและบล็อกข้อมูลที่เก็บ ประเทศโปรตุเกสสั่งให้หยุดเก็บเป็นเวลา 90 วันด้วยเหตุผลในเรื่องของการร้องเรียนเกี่ยวกับการสแกนเด็ก และข้อมูลที่ผู้ไปสแกนไม่มากพอ รวมถึง ประเทศเยอรมนี อินโดนีเซีย ฮ่องกง บราซิล มีการสั่งระงับชั่วคราวหรือให้หยุดสแกนม่านตา
สำหรับเวิลด์ไอดี ต้องยอมรับว่าจากการประชุมหารือกับหน่วยงานภาครัฐยังไม่มีความชัดเจน ในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย หรือมาตรการในการยืนยันได้ว่าจะไม่มีการกรอย้อนกลับในการเข้าถึงข้อมูลไปพิสูจน์อัตลักษณ์ หลังจากที่ลบภาพดวงตาและเปลี่ยนข้อมูลอื่น เบื้องต้นได้สั่งการไปยังกลุ่มงาน บก.ตอท. ประมวลเรื่องทั้งหมดเพื่อเสนอให้ทาง พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ต่อไปยัง ผบ.ตร.และกระทรวงดีอี เพื่อหาแนวทางการปฏิบัติต่อไป ส่วนจะเรียกผู้ประกอบการที่ให้สแกนม่านตามาให้ข้อมูลหรือไม่นั้น คงต้องนำเรื่องเข้าไปพิจารณาก่อน