MGR Online - อธิบดีดีเอสไอ เผยรับคดีเก็บค่าหัวคิวแรงงานกัมพูชา เป็นคดีพิเศษ จ่อออกหมายเรียกพยานสอบปากคำ ทั้ง นายจ้าง-บริษัทจัดหางาน-กลุ่มรับโอนเงิน
วันนี้ (18 ส.ค.) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีเรียกรับเงินเพื่อต่อใบอนุญาตทำงานแรงงานกัมพูชาเป็นคดีพิเศษ ว่า ภายหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ได้มีมติเห็นชอบให้คดีความผิดทางอาญาอื่น จำนวน 1 เรื่อง กรณี การกระทำความผิดของชาวไทยและชาวต่างชาติร่วมกันกระทำเป็นขบวนการหลอกลวงหรือกระทำด้วยวิธีการอื่นใด โดยเรียกรับเงินจากนายจ้างและแรงงานต่างด้าว เพื่อให้ได้รับการต่อใบอนุญาตทำงานในประเทศไทยอันมิชอบด้วยกฎหมาย ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 24 ก.ย.67 สำหรับแรงงานชาวกัมพูชาเป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) แห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เรียบร้อยแล้ว จากนี้หน้าที่ของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ คือ การออกหมายเรียกพยานสอบปากคำเพิ่มเติม อาทิ กลุ่มบุคคลที่รับโอนเงินจากค่าใช้จ่ายส่วนต่างดังกล่าวที่บริษัทนายจ้างต้องจ่ายให้กับแรงงานกัมพูชาของตนเอง ซึ่งมีจำนวนเงินหลายล้านบาทเข้ามาเกี่ยวข้อง
ด้าน พ.ต.ท.ธนวัฒน์ วงศ์อนันต์ชัย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ เผยว่า ในห้วงเวลาที่ผ่านมาก่อนที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) จะรับดำเนินการไว้เป็นคดีพิเศษนั้น ทางเราได้มีการสอบสวนปากคำพยานเมื่อครั้งเป็นเรื่องสืบสวนที่ 27/2568 โดยได้สอบปากคำไว้หลาย 10 ปาก ส่วนหลังจากนี้ เมื่อเป็นคดีพิเศษ เราก็ยังคงต้องขยายผลดูในส่วนของการสอบปากคำพยานเพิ่มเติม เพื่อรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงให้ได้มากที่สุดและรอบคอบที่สุด เบื้องต้นเราจะต้องสอบสวนปากคำกลุ่มนายจ้างบริษัทเอกชน หรือบริษัทจัดหางาน (บนจ.) ที่มีลูกจ้างแรงงานชาวกัมพูชาเพิ่มเติม ซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศ เพื่อที่จะตรวจสอบกรณีที่นายจ้างหลายรายถูกอ้างว่าต้องจ่ายเงินเข้าสู่ระบบเพื่อที่ลูกจ้างจะได้ต่อใบอนุญาตการทำงานผ่านระบบออนไลน์ ให้สามารถทำงานต่อในราชอาณาจักรไทยได้ ว่าเป็นการโอนเงินไปยังบัญชีปลายทางอย่างไรบ้าง จำนวนเงินกี่บาทต่อลูกจ้างชาวกัมพูชากี่ราย เป็นต้น
พ.ต.ท.ธนวัฒน์ เผยอีกว่า ส่วนเรื่องการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่าปลายทางบัญชีธนาคารที่รับโอนเงินจากบัญชีนายจ้างชาวไทย รวมถึงบริษัทจัดหางานเอกชนที่มีแรงงานต่างด้าวนั้น ส่วนใหญ่มีทั้งบัญชีธนาคารชื่อคนต่างชาติ และคนไทยรวมอยู่ด้วย ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนก็จะต้องเชิญมาสอบถามรายละเอียดเช่นเดียวกัน ว่าเป็นการรับเงินโอนเงินจากนิติกรรมเรื่องใด เหตุใดจึงเป็นบัญชีธนาคารปลายทางที่มารับโอนเงินในส่วนนี้ ทั้งนี้ หากต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐาน พยานวัตถุ หรือพยานเอกสารเพิ่มเติม คณะพนักงานสอบสวนก็จะมีการขอศาลออกหมายค้นสำหรับเปิดปฏิบัติการ เพื่อที่จะได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
"ส่วนขบวนการดังกล่าวจะมีเจ้าหน้าที่รัฐของไทยและของกัมพูชาเข้ามามีบทบาทอย่างไร คณะพนักงานสอบสวนก็จะมีการขยายผลตรวจสอบคู่ขนานไปกับการสอบปากคำพยานหลายกลุ่มอย่างละเอียด ซึ่งข้อมูลส่วนใหญ่ต่างๆ เกี่ยวกับแรงงานก็ต้องประสานกับกระทรวงแรงงาน เพื่อดำเนินการต่อไป" พ.ต.ท.ธนวัฒน์ ระบุ