รอง ผบก.ป.ยันกองปราบดำเนินคดี "หมอบี" ได้ แม้ไม่มีผู้เสียหายแจ้งความ เผยพยานจิตอาสาให้การเป็นประโยชน์ด้าน"หลวงพ่ออลงกต"ยอมรับไว้ใจจนไม่อ่านเอกสารให้ดีก่อนเซ็นรอเจ้าตัวมาชี้แจงที่วัดภายใน 7 วันบ่นท้อญาติโยมทำบุญน้อยลง
วันนี้ ( 9 ส.ค. ) พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือ "หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ" เจ้าของเพจ "งมงาย สไตล์หมอบี" ที่ถูกร้องเรียนว่าส่อทุจริตเงินบริจาควัดชื่อดังแห่งหนึ่งว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานบุคคลต่าง ๆ ไปแล้วหลายปาก ซึ่งล่าสุดเมื่อวานก็ได้มีเจ้าหน้าที่จิตอาสาของวัดรายหนึ่งเข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมต่าง ๆ ของหมอบี โดยข้อมูลที่ได้รับถือเป็นประโยชน์ต่อการนำไปพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงของเรื่องราวเป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้ข้อมูลที่เจ้าหน้าที่จิตอาสาให้มานั้น ก็ยังต้องผ่านกระบวนการพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้แน่ชัดก่อน เนื่องจากเป็นเพียงคำกล่าวอ้าง ซึ่งต้องตรวจสอบและยืนยันหลักฐานให้ชัดเจน ก่อนจะนำไปพิจารณาต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากหลวงพ่ออลงกต ไม่ประสงค์แจ้งความดำเนินคดีกับหมอบี ในข้อหา ฉ้อโกงประชาชน จะมีผลต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่หรือไม่ พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานข้อเท็จจริงเป็นหลัก หากหลักฐานพบการกระทำความผิดที่เป็นอาญาแผ่นดิน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถกล่าวโทษและดำเนินคดีได้ทันที แม้จะไม่มีผู้เสียหายมาแจ้งความ เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานในการปราบปรามการกระทำผิด
ขณะเดียวกัน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือหลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ได้เดินทางมากิจนิมนต์ที่ตลาดเช้าเคหะคลองจั่นย่านบางกะปิ โดย พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือหลวงพ่ออลงกต ก็ได้กล่าวชี้แจงกับสื่อมวลชนที่ไปเฝ้าติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า เอกสารที่หมอบีนำมาให้เซ็นมีอยู่ 2 ประเภท คือเอกสารการรับเงิน และเอกสารโครงการ ซึ่งปกติตอนเซ็นจะดูทุกฉบับ แต่ก็ยอมรับว่าไม่ค่อยได้อ่านอย่างละเอียด เพราะมีเรื่องความไว้ใจด้วย แต่เชื่อว่าไม่มีการสอดไส้ ส่วนเรื่องตัวเลขไม่ตรง หรือรายละเอียดต่าง ๆ ต้องรอหมอบีออกมาชี้แจง ภายใน 7 วัน จะได้รับคำตอบแน่นอน โดยจะให้หมอบีมาชี้แจงและแถลงที่วัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งการแถลงทางวัดมั่นใจว่ามีเอกสารที่สามารถยืนยันความบริสุทธิ์ได้แน่นอน
หลวงพ่ออลงกต กล่าวอีกว่า ส่วนการซื้อที่ดินบางส่วนที่ไม่ได้ใช้ชื่อวัดในการซื้อ แต่ใช้ชื่อไวยาวัจกรถือไว้ก่อนนั้น เพราะในระหว่างที่พิจารณาจะใช้ที่ดินตรงนี้ทำอะไร หากโอนเป็นชื่อวัดเลย วัดก็ต้องตามไปดูแล และอาจดูแลไม่ไหว แต่ที่เป็นปัญหาตอนนี้ไวยาวัจกรคนเก่าได้เสียชีวิต จึงอยู่ระหว่างการหารือว่าจะดำเนินการโอนกลับมาให้วัดอย่างไร นอกจากนี้เรื่องที่ดินยังมีชื่อของนางสาววรสุดา ที่เป็นคนใกล้ชิดให้ดูแลมูลนิธิบ้านเด็กกำพร้า แต่ให้ทำพินัยกรรมมอบให้วัดไว้ เพื่อป้องกันปัญหาหากเสียชีวิต
ส่วนเรื่องเลขาปู ที่มีการกล่าวอ้างว่าเป็นหลานของเจ้าอาวาส และมีฐานะร่ำรวยผิดปกติ เจ้าอาวาส ยืนยันว่า ไม่ใช่ญาติของตน เขาทำงานมานาน 20 กว่าปี เรื่องฐานะไม่ทราบ ตอนที่มาทำงานใหม่ ๆ ไม่ได้รวยขนาดนี้ แต่อาจเป็นเพราะญาติเขาทำธุรกิจด้วย
"ยอมรับว่าจากเรื่องที่เกิดขึ้นก็เป็นกังวลและท้อใจ เพราะจะกระทบผู้ป่วยที่ทางวัดดูแลอยู่ 2,000 -3,000 คน เนื่องจากประชาชนก็เคลือบแคลงใจไม่กล้าบริจาค คนทำบุญน้อย และหากพบว่าหมอบีทำผิดตามที่ถูกร้องเรียน ก็ต้องทำใจ ไม่มีใครถูกทุกเรื่อง อย่างไรก็ตามหากตำรวจพบความผิดของหมอบี ยืนยันว่าจะดำเนินการเอาผิดเช่นเดียวกัน"หลวงพ่ออลงกต กล่าว