xs
xsm
sm
md
lg

บุกรวบแก๊งสแกมเมอร์เวียดนาม เปิดเพจตุ๋นขายตั๋วเครื่องบิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ตร.ไซเบอร์แถลงผลจับกุมแก๊งสแกมเมอร์ชาวเวียดนาม 9 ราย ตั้งฐานในจังหวัดหนองคาย เปิดเพจหลอกขายตั๋วเครื่องบิน

วันนี้ (25 ก.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบช.สอท.3 พ.ต.อ.อภิรักษ์ จำปาศรี ผกก.1 บก.สอท.3 พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 แถลงผลการจับกุมแก๊งสแกมเมอร์เวียดนาม ตั้งฐานในจังหวัดหนองคาย เปิดเพจหลอกขายตั๋วเครื่องบิน ได้ตัวผู้ต้องหาชาวเวียดนาม 9 คน พร้อมกับประสานตำรวจเวียดนามร่วมเช็กบิล

พล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวว่า สืบเนื่องจากได้มีประชาชนแจ้งเบาะแสว่าพบเห็นกลุ่มคนต่างด้าวคาดว่าเป็นชาวเวียดนาม นับ 10 คน ได้เช่าบ้านอยู่ในพื้นที่ อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย และมีพฤติกรรมต้องสงสัยว่าอาจลักลอบทำงานผิดกฎหมาย เพิ่งเข้ามาใหม่ในประเทศไทยได้เพียง 2 เดือน ต่อมาตำรวจ บก.สอท.3 ได้สนธิกำลังร่วมกับตำรวจ ตม.หนองคาย สภ.ท่าบ่อ ตำรวจตระเวนชายแดน และตำรวจสืบสวนภูธรจังหวัดหนองคาย เข้าตรวจค้นบ้านพัก 2 หลัง ในโครงการบ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 6 ตำบลท่าบ่อ อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย

พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์กล่าวว่า จากการเข้าตรวจค้นพบผู้ต้องหาทั้งหมด 9 ราย เป็นชาย 7 ราย หญิง 2 ราย เป็นชาวเวียดนามทั้งหมด โดยพบว่าเดินทางเข้าประเทศถูกต้องตามกฎหมายในประเภทวีซ่านักท่องเที่ยว แต่มีพฤติการณ์ร่วมอาศัยและใช้บ้านหรูดังกล่าวดัดแปลงเป็นห้องทำงาน ใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะจำนวนมาก มีลักษณะการทำงานที่เหมือนกับมีพนักงานโต้ตอบกับลูกค้าออนไลน์ โดยเบื้องต้นพบข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับเว็บไซต์จองห้องพัก สายการบิน ทัวร์ และเว็บขายหวยเวียดนาม

เจ้าหน้าที่ สตม.จึงได้แจ้งข้อหา “เป็นคนต่างด้าวประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต” ไปเบื้องต้น ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์พบหลักฐานเชื่อว่าขบวนการดังกล่าวทำงานลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเปิดเพจในรูปแบบ Meta Business เพื่อโฆษณาขายตั๋วเครื่องบินราคาถูกให้คนในประเทศเวียดนาม โดยมีการสนทนาผ่านแอพพลิเคชั่น Telegram ตามสคริปต์ที่เตรียมไว้ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็ให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารเวียดนาม จากนั้นจะไม่สามารถติดต่อคนร้ายได้อีก โดยจากการตรวจสอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ตรวจยึดไว้หลายเครื่อง พบข้อมูลการสนทนาในแอพพลิเคชั่น Telegram โดยมีห้องสนทนาหลายห้อง ที่มีข้อมูลสอดคล้องกับข้อมูลจากหน่วยงานรัฐของเวียดนามที่ได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย

พ.ต.อ.อภิรักษ์กล่าวว่า ผลการตรวจสอบมือถือหลายเครื่อง พบคลังภาพที่มีภาพเอกสารรับรองการจองตั๋วเครื่องบิน, หนังสือประกันการเดินทาง, สลิปการโอนเงินจากธนาคารของเวียดนาม รวมทั้งนามบัตรของบริษัทที่อ้างว่าให้บริการขายตั๋วเครื่องบินราคาถูก เช่น VLINES AIRCRAFT COMPANY LIMITED และเว็บไซต์ AIRDULICH.COM อีกทั้ง ยังพบการเข้าใช้งาน Facebook Fan page และ Business Suite ซึ่งเชื่อว่าเป็นช่องทางในการลงโฆษณาเพื่อหลอกลวงเหยื่อนอกจากนี้ จากข้อมูลในคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่ตรวจยึดได้ ยังพบไฟล์ Word เอกสารประกันการเดินทางที่สามารถแก้ไขได้และสคริปต์บทพูดภาษาเวียดนามเพื่อใช้หลอกลวงเหยื่อ

พ.ต.อ.อภิรักษ์กล่าวอีกว่า จากการประสานการปฏิบัติกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเวียดนามเพื่อพิสูจน์การกระทำผิดของกลุ่มผู้กระทำความผิดในเบื้องต้น ยังพบอีกว่าคนร้ายกลุ่มนี้เได้จัดทำเว็บไซต์ปลอม และเปิดบริษัทในเวียดนามเพื่อบังหน้า โดยจากพยานหลักฐานทั้งหมด แสดงให้เห็นถึงการกระทำที่เป็นขบวนการ มีการแบ่งหน้าที่กันทำ เช่น ผู้โพสต์ข้อความโฆษณา ผู้จัดทำเอกสารปลอม และผู้จัดส่งเอกสารไปยังเหยื่อ โดยรับโอนเงินแต่ไม่มีหลักฐานการจองตั๋วเครื่องบินจริงแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานให้พนักงานสอบสวน สภ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย แจ้งข้อหาแก่ชาวเวียดนามเพิ่มเติมในข้อหา “สมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิด (ฉ้อโกง) อั้งยี่ และซ่องโจร”

พล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวว่า ถ้าหากมีพยานหลักฐานชี้ชัดว่ากลุ่มผู้ต้องหาเป็นขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตำรวจไซเบอร์จะประมวลเรื่องเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อพิจารณาโอนคดีมาให้ บช.สอท.รับผิดชอบการสืบสวนสอบสวนในรูปแบบคณะทำงานในคดีความผิดเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติต่อไป




กำลังโหลดความคิดเห็น