xs
xsm
sm
md
lg

"บิ๊กเต่า" ซัดสำนักพุทธฯ ไม่จริงใจแก้ปัญหา หมกเม็ดซุกเรื่องร้องเรียน ช่วยพระชั่ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



รอง ผบช.ก. เรียกประชุมคณะทำงาน "ศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา" เผยแค่ 2 วันชาวบ้านแจ้งเบาะแสแล้ว 26 เรื่องตำหนิสำนักพุทธฯ ไม่จริงใจร่วมแก้ปัญหา หมกเม็ดซุกเรื่องร้องเรียน ช่วยเหลือพระชั่ว ทำสถาบันสงฆ์เสื่อมเสีย

วันนี้ (16 ก.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.​ในฐานะรองหัวหน้า "ศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และส่งเสริมพระธรรมวินัย" ได้เรียกประชุมคณะทำงาน เพื่อกำหนดทิศทางและกรอบการทำงานในการปราบปรามการทุจริตในวงการสงฆ์ พร้อมเน้นย้ำให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม เผย 2 วันแรก (14-15 ก.ค. 68) ประชาชนแจ้งเบาะแสเข้ามาแล้ว 26 กรณี

​การประชุมครั้งนี้มีขึ้นเพื่อมอบหมายหน้าที่การปฏิบัติงานให้กับข้าราชการตำรวจในแต่ละส่วนอย่างชัดเจน ตั้งแต่ช่องทางในการรับแจ้งเบาะแส ไปจนถึงการสืบสวนสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงจากข้อมูลที่ประชาชนส่งเข้ามา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ได้เน้นย้ำกับคณะทำงานว่า การดำเนินการทุกขั้นตอนต้องเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย ต้องไม่มีการกลั่นแกล้งใคร และต้องดำเนินการด้วยความโปร่งใส ยุติธรรมอย่างเคร่งครัด

​สำหรับผลการดำเนินงานรับแจ้งเบาะแสของศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และส่งเสริมพระธรรมวินัย ตั้งแต่วันที่ 14 - 15 กรกฎาคม 2568 มีจำนวนผู้แจ้งเบาะแสรวมทั้งหมด 26 กรณี แบ่งเป็น ​ช่องทาง Inbox เพจตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) มีประชาชนแจ้งเบาะแสเข้ามา 8 กรณี, ​ช่องทางโทรศัพท์ผ่านเบอร์ 082-123-7166 มีประชาชนแจ้งเบาะแสเข้ามา 18 กรณี

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่าศูนย์ฯดังกล่าวเพิ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อรับเรื่องร้องเรียนกรณีพระสงฆ์กระทำผิดพระธรรมวินัย โดยมีทั้งหมายเลขโทรศัพท์และเพจเฟซบุ๊กสำหรับรับเรื่องร้องเรียน ซึ่งปัจจุบันมีข้อมูลร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมาก และในอนาคตจะมีการขยายคู่สายเป็น 10 สาย เพื่อรองรับการแจ้งข้อมูลได้เพิ่มขึ้น ทั้งนี่ภารกิจหลักของศูนย์ฯ คือการเป็นศูนย์กลางในการรับแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดวินัยสงฆ์ การทุจริตของสงฆ์ รวมถึงข้อมูลอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการธำรงไว้ซึ่งพระธรรมวินัย แม้จะยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่าจะมีการจัดตั้งศูนย์ถาวรหรือไม่ แต่เชื่อว่าการดำเนินการนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในวงการสงฆ์อย่างจริงจัง

"ยอมรับว่าที่ผ่านมาการทำงานร่วมกับสำนักพุทธฯ มักจะไม่ราบรื่น ล่าช้า เนื่องจากสำนักพุทธฯ มีแนวโน้มที่อาจจะปกปิดปัญหา ขาดความเข้มงวดกวดขัน จึงทำให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจำเป็นต้องบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง ซึ่งในส่วนของข้อมูลที่ตำรวจส่งให้สำนักพุทธฯ เกี่ยวกับความไม่เหมาะสมของพระสงฆ์ มักจะไม่ได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง ทำให้ตำรวจมองว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำงานร่วมกันได้ หากปราศจากความจริงใจในการทำงาน โดยเชื่อว่าการเข้ามาของตำรวจและหน่วยงานภายนอกจะสร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากไม่อยากปล่อยไว้ให้กลายเป็นมะเร็งร้ายจนทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อม ขอยืนยันว่าการดำเนินการครั้งนี้จะไม่มีการอ่อนข้อใด ๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ที่ควรจะต้องละซึ่งกิเลส" รองผบช.ก.กล่าว

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่าในส่วนของอำนาจหน้าที่ ตำรวจทำงานเพื่อความมั่นคงของประเทศชาติและสถาบันพระพุทธศาสนา แต่ไม่มีอำนาจในการไล่พระให้สึก โดยจะทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลและส่งต่อให้สำนักพุทธฯ พิจารณาเป็นรายบุคคล ซึ่งการตัดสินใจขั้นสุดท้ายขึ้นอยู่กับสำนักพุทธฯ อีกทั้งยังขอความร่วมมือให้สำนักพุทธฯ รวบรวมข้อมูลเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลักของพระสงฆ์กว่า 3 แสนรูป เพื่อนำมาตรวจสอบประวัติว่าเคยมีการกระทำความผิดหรือไม่ ส่วนกรณีที่มีคนของสำนักพุทธฯ เข้าไปเป็นมัคทายกวัดและ ส่วนช่วยเหลือพระที่ประพฤติไม่เหมาะสม ระบุว่า ทางตำรวจจะนำเข้าหารือในที่ประชุมวันพรุ่งนี้เพื่อรายงานให้ผู้ใหญ่ในสำนักพุทธฯรับทราบและแก้ไขปัญหา

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวด้วยว่าหลังจากนี้ ตำรวจจะรื้อคดีที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ที่เคยถูกสำนักพุทธฯ ถูกปัดตกไป และกองซุกอยู่ใต้โต๊ะขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่ทั้งหมด ทั้งนี้ภายหลังจากเปิดศูนย์ก็ได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีพระผู้ใหญ่หลายรูปที่มีพฤติการณ์ในลักษณะดังกล่าว แต่ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีสีกากอล์ฟ ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะขอเวลาในการตรวจสอบก่อน

สำหรับกรณีที่มีความพยายามของเจ้าหน้าที่บางคน บอกว่าการกระทำของเจ้าอาวาสวัดประยุรรวงศาวาสยังไม่ถึงขั้นปาราชิกนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่มีทั้งดีและไม่ดี แต่ทางตำรวจยืนยันมีหลักฐานว่าพระกระทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ทั้งมีการมอบของขวัญที่เกินกว่าฐานะพระและฆราวาส รวมถึงเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงกับสีกา นอกจากนี้ยังมีพยานบุคคล ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดของสีกากอล์ฟ (อดีตสามี) ให้การยืนยันว่าพระรูปนี้ ส่งเงินบรรจุในกล่อง และถังสังฆทานผ่านพัสดุไปรษณีย์มาให้สีกากอล์ฟใช้ เงินดังกล่าวมีลักษณะเหมือนเงินทำบุญจากตู้บริจาค แต่ไม่มีการนับและระบุจำนวนที่แน่ชัด

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่าส่วนเรื่องความคืบหน้าคดีกับสีกากอล์ฟ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการขยายผลเส้นทางการเงิน พร้อมวอนให้พระที่ตกเป็นข่าวทั้งที่ลาสิกขาไปแล้วและยังไม่ลาสิกขา ให้มาพบตำรวจเพื่อให้ข้อมูลโดยเฉพาะ ทิดอาชญ์ ที่เชื่อว่าน่าจะตกเป็นผู้เสียหายอย่างชัดเจน ขณะที่ทิดบุญเลิศที่เมื่อช่วงเย็นวานนี้เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. โดยข้อมูลที่ทางตำรวจได้รับถือเป็นกรณีที่น่าสงสาร เนื่องจากทิดบุญเลิศได้พยายามหนีการเสพสังวาสจากสีกากอล์ฟหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็พลาดเพราะสีกากอล์ฟนำเด็กมาเป็นเหยื่อล่อ และหลังจากเสพสังวาสไปแล้ว ทิดบุญเลิศก็เกิดสำนึกว่าศีลขาด รักษาศีลไม่ครบ จึงยุติการบวชพระให้กับพระใหม่ ทั้งยังโดนสีกาหลอกว่าเด็กป่วย ไม่สบาย และยืมเงินเพื่อนำไปรักษาเด็กเป็นจำนวนเงินหลักแสนบาท ซึ่งภายหลังจากการให้เงินไปแล้วทิดบุญเลิศได้ไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลแต่กลับไม่พบประวัติการรักษา






กำลังโหลดความคิดเห็น