xs
xsm
sm
md
lg

"ดีเอสไอ" เรียกพยานฮั้ว สว. "อั้งยี่-ฟอกเงิน" ให้ข้อมูลพบการโอนเงินช่วงเลือก สว.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



MGR Online - ผอ.กองคดีการฟอกเงินทางอาญา แจง สำนวนคดีฮั้ว สว. ของ กกต. เตรียมสรุปพิจารณากลางเดือน ก.ค. เกี่ยวข้องกว่า 200 ราย ส่วนคดี "อั้งยี่-ฟอกเงิน" ทยอยเรียกสอบพยาน

วันนี้ (7 ก.ค.) ที่กองคดีการฟอกเงินทางอาญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ชั้น 7 ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ถ.แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายระวี อักษรศิริ ผอ.กองคดีการฟอกเงินทางอาญา เปิดเผยความคืบหน้าการเรียก 7 พยานคดีฮั้ว สว. "อั้งยี่-ฟอกเงิน" คดีพิเศษที่ 24/2568 ว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้เชิญมาให้ปากคำชี้แจงเรื่องเส้นทางการเงิน ปัจจุบันมีพยานเข้ามาพบแล้ว 3 ราย หากยังไม่เข้าพบตามหมายเรียกพยาน เป็นครั้งที่ 2 ก็ต้องดูว่าติดปัญหาคืออะไร เหตุใดพยานจึงได้รับหมายเชิญเข้าให้ปากคำ อาจเป็นเรื่องที่อยู่อาศัยทะเบียนบ้านที่ไม่ตรงกับที่อยู่อาศัยในปัจจุบันหรือไม่ หรือไปรษณีย์มีการตีกลับเอกสารหรือไม่ โดยพยานที่เหลือตามกำหนดจะมีการทยอยเข้าให้ปากคำในวันที่ 8-9 ก.ค.นี้

"อย่างไรก็ตาม ผลการให้ปากคำของพยานทั้ง 3 รายแรก ไม่ได้เป็นการปฏิเสธไปทั้งหมด แต่ก็เป็นลักษณะทำนองชี้แจงเรื่องเส้นทางการเงินเป็นเรื่องเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง แต่พยานก็ยืนยันว่าเป็นการโอนเงินจริง และเป็นธุรกรรมที่ทำปกติอยู่แล้ว แม้จะเป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยวกับช่วงเลือก สว. ก็ตาม"

นายระวี เผยอีกว่า ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมาคณะพนักงานสอบสวนยังได้มีการออกหมายเรียกพยานเพิ่มเติมอีก 5 ราย เพื่อให้เข้ามาชี้แจงเรื่องเส้นทางการเงินตามความเกี่ยวข้องจากพยานหลักฐาน อย่างไรก็ดี พยานกลุ่มสอง จำนวน 5 รายนี้ ล้วนมีพฤติการณ์คล้ายกับพยานกลุ่มแรก คือ มีธุรกรรมการโอนเงินในช่วงการเลือก สว. จึงต้องเชิญเข้ามาชี้แจงแสดงข้อเท็จจริงเรื่องเส้นทางการเงินว่าเงินดังกล่าวที่พนักงานสอบสวนพบนั้น เป็นการทำธุรกรรมเกี่ยวกับเรื่องใด

เมื่อถามว่าต้นทางของแหล่งเงินที่โอนมาให้พยานเหล่านี้ ส่วนใหญ่มีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายของพรรคการเมือง หรือเป็นคนธรรมดาหรือไม่นั้น นายระวี เผยว่า เรื่องดังกล่าวพนักงานสอบสวนจะต้องตรวจสอบต่อไป ซึ่งก็ต้องตรวจสอบย้อนกลับขึ้นไปว่าเป็นเงินที่มาจากที่ไหน แต่เบื้องต้นเราเชิญพยานให้เข้ามาชี้แจงก่อน แต่ถ้าหากเจอว่าเส้นทางการเงินเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) หรือสมาชิกวุฒิสภา (สว.) คณะพนักงานสอบสวนก็ต้องเชิญมาให้ปากคำในฐานะพยานเช่นกัน แต่การจะออกหมายเรียกพยานกับกลุ่มคนเหล่านี้ ก็มีความจำเป็นต้องขอมติจากที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวนก่อน

ต่อข้อถามจากรายงานข้อมูลการสืบสวนของดีเอสไอ เรื่องเส้นทางการเงิน รวมไปถึงรายการเดินบัญชี (Statement) มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่ากลุ่มพยานที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินอาจจะมีจำนวนมากกว่า 100 ราย นั้น นายระวี ยอมรับว่า มีความเป็นไปได้สูงมาก เนื่องจากสเกลที่ดีเอสไอรับผิดชอบสอบสวน มันเป็นเรื่องของการฟอกเงิน ซึ่งขอบเขตความรับผิดชอบจะใหญ่กว่าในส่วนที่ กกต. ดำเนินการ จึงย้ำว่าพนักงานสอบสวนคดีพิเศษต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ คู่ขนานไปกับการให้ความเป็นธรรมกับพยาน เราจึงจะได้ข้อสรุปว่าเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยว หรือมีมูลหนี้ใด

เมื่อถามว่าทางคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน เตรียมที่จะมีการสรุปสำนวนพร้อมความเห็นส่งให้กับสำนักงาน กกต. ในเร็วๆ นี้ ส่วนทางสำนวนคดีอาญา "อั้งยี่-ฟอกเงิน" จะต้องสรุปสำนวนในเวลาใกล้เคียงกันด้วยหรือไม่ นายระวี ระบุว่า ไม่จำเป็น เพราะมันเป็นกฎหมายคนละฉบับกัน เนื่องจากในส่วนของกฎหมายอั้งยี่-ฟอกเงิน ที่ดีเอสไอรับผิดชอบ ก็ต้องดำเนินการต่อไป ส่วนของ พ.ร.ป. สว.61 ก็ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน แต่ทราบว่าสำนวนคดี พ.ร.ป.สว.61 (คดีฮั้ว สว.) ใกล้จะเสร็จสิ้น และจะส่งให้ กกต. ภายในกลางเดือน ก.ค.นี้ เบื้องต้นรวมแล้วมีผู้เกี่ยวข้องในสำนวนมากกว่า 200 ราย และผู้เกี่ยวข้องอื่นเพิ่มเติม อาจต้องขอแยกสำนวนของ กกต. มิฉะนั้นอาจสรุปสำนวนไม่ได้ ก็ขึ้นอยู่กับมติของทาง กกต.

ต่อข้อถามว่าเหลือเวลาอีกเพียง 1 ปี มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าสำนวนคดีฮั้ว สว. ที่คณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนรับผิดชอบอยู่นั้น จะถูกส่งถึงมือนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ภายในปี 2568 นั้น นายระวี กล่าวว่า ขอยืนยันว่าไม่มีปัญหาเรื่องระยะเวลา มั่นใจว่าดำเนินการทันอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พยานทั้ง 3 รายจากทั้งหมด 7 รายในกลุ่มแรก ที่เข้าให้ปากคำกับคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อชี้แจงเรื่องเส้นทางการเงินในคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน ประกอบด้วย น.ส.สินิตา นายสุบิน และนายอาทร จึงยังเหลือพยานอีกเพียง 4 ราย คือ นายวรพจน์, น.ส.ญาณี, น.ส.ภัณนิภา และนายอากร ที่จะต้องเข้าให้ปากคำระหว่างวันที่ 8-9 ก.ค.68
กำลังโหลดความคิดเห็น