MGR Online - "ดีเอสไอ" เปิดโปง ขบวนการรีดหัวคิวแรงงานต่างด้าว รายละ 2,500 บาท โอนเงินผ่านบัญชีม้าไปยังเจ้าหน้าที่กัมพูชา ก่อนวนกลับเข้าไทย เล็งฟันฐานฟอกเงิน
วันนี้ (3 ก.ค.) เวลา 13.30 น. พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ รองอธิบดีดีเอสไอ , ร.ต.อ.ทินวุฒิ สีละพัฒน์ ผู้อำนวยการกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ , พ.ต.ท.ธนวัฒน์ วงศ์อนันต์ชัย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ , นายจินกร แก้วศรี รองผู้อำนวยการกองคดีการฟอกเงินทางอาญา และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงพื้นที่ตรวจค้น บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง รับปรึกษาด้านเอกสารแรงงานต่างด้าว เลขที่ 38/1501 ถนนไทยรามัญ แขวงคลองสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ เพื่อเก็บพยานหลักฐาน ขบวนการรีดหัวคิวแรงงานนำไปฟอกเงินผ่านเจ้าหน้าที่กัมพูชา
พ.ต.ต.ยุทธนา เปิดเผยว่า สืบเนื่องจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับหนังสือร้องเรียนจากผู้ใช้ชื่อว่า “กลุ่มนายจ้าง ที่ได้รับความเดือดร้อน” ร้องเรียนว่า ตามที่กระทรวงแรงงานของไทย ได้มีประกาศกระทรวงแรงงาน ลงวันที่ 26 พ.ย.2567 ผ่อนผันให้มีการต่อใบอนุญาตทำงานให้กับแรงงานต่างด้าว สัญชาติเมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ที่ครบกำหนดวันสิ้นสุดการอนุญาต ในวันที่ 13 ก.พ.2568 ซึ่งประกอบด้วย เมียนมา 2,012,856 คน กัมพูชา 287,557 คน ลาว 94,132 คน และเวียดนาม 3,673 คน โดยกำหนดเงื่อนไขใหม่ขึ้นมาว่าผู้ที่จะต่อใบอนุญาตทำงานได้ ต้องได้รับการรับรองจากสถานทูตและนายหน้าจัดหางาน (AGENCY) จากประเทศต้นทางเสียก่อน จึงทำให้เกิดมีขบวนการเรียกรับเงินจากแรงงานต่างด้าวที่ต้องการจะต่อใบอนุญาตทำงานดังกล่าว
พ.ต.ต.ยุทธนา เผยว่า ขบวนการดังกล่าวตรวจสอบพบว่าเริ่มตั้งแต่ พ.ย.2567 มีการเปิดระบบออนไลน์เพื่อต่อใบอนุญาตแรงงานต่างด้าวรูปแบบใหม่ ผู้ต่อใบอนุญาตต้องผ่านบริษัทจัดหางาน โดยวันนี้เข้าตรวจค้นบริษัทที่มีการต่อใบอนุญาตแรงงานต่างด้าวและรีดเงินค่าหัวคิว ต้องจ่ายเพิ่มคนละ 2,500 บาท โดยแรงงานกัมพูชาในประเทศไทย มีประมาณ 2.8 แสนคน มีการต่อใบอนุญาตแล้ว 1.8 แสนคน คิดเป็นจำนวน 300-400 ล้านบาท แต่หากจ่ายครบทุกรายจะเป็นจำนวนเงิน 600-700 ล้านบาท ซึ่งเงินค่าหัวคิวจำนวนหนึ่งได้โอนผ่านบัญชีม้าไปยังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศกัมพูชา 2-3 คน โดยจะมีการขยายผลว่าเป็นการอ้างชื่อบัญชีหรือไม่ และหลังโอนผ่านเจ้าหน้าที่ของกัมพูชาแล้ว บางส่วนมีการโอนเงินกลับเข้ามาในประเทศไทย ประมาณหลักร้อยล้านบาท เป็นชื่อบัญชีบุคคลอาจเกี่ยวข้องเป็นนอมินี และอยู่ระหว่างขยายผลรวบรวมการเดินบัญชีธนาคารต่างๆ
"โดยการบอกกล่าวจาก นายหน้าคนไทย เป็นคนแจ้งไปยังนายจ้างและแรงงานต่างด้าวให้โอนเงินส่วนนี้ผ่านบัญชีม้า ซึ่งเป็นบัญชีของคนต่างด้าวด้วยกัน หากไม่จ่ายเงินส่วนนี้ก็จะไม่ได้รับการอนุมัติให้ต่อใบอนุญาตทำให้แรงงานต่างด้าวเกิดความกลัวว่าจะถูกจับกุม จึงยอมทำตาม สร้างความเสียหายให้กับแรงงานต่างด้าว นายจ้าง และบริษัทผู้รับจ้างฯ ซึ่งขบวนการเรียกเก็บค่าหัวคิว เป็นการร่วมกันของเจ้าหน้าที่รัฐฝั่งกัมพูชาและไทย ส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานหรือไม่ อยู่ระหว่างขยายผลเพิ่มเติม"
พ.ต.ต.ยุทธนา เผยอีกว่า ปกติถ้าไม่เรียกเก็บค่าหัวคิวแรงงานกัมพูชา จะต่อใบอนุญาต 2 ปีครั้งๆ ละประมาณ 3,700 บาท เป็นค่าประกันสังคม ตรวจโรค วีซ่า และอื่นๆ ซึ่งจะมีการตรวจสอบย้อนหลังว่ามีการหักค่าหัวคิวลักษณะดังกล่าวหรือไม่ โดยขณะนี้มีเพียงแรงงานกัมพูชาได้รับความเสียหายเพียงประเทศเดียว
พ.ต.ต.ยุทธนา เผยต่อว่า โดยวันนี้ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้เข้าทำการตรวจค้นพยานหลักฐานในคดี จำนวน 4 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบริษัทนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ เป็นผู้ดำเนินการรับต่อใบอนุญาตทำงานให้แก่แรงงานสัญชาติกัมพูชา ผลการตวจค้นพบพยานหลักฐานอันเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนและจะทำการขยายผลต่อไป อย่างไรก็ตาม ในส่วนความผิดเบื้องต้นเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน เป็นการได้ทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดโอนผ่านบัญชีม้า ถือเป็นพฤติการณ์ปกปิดอำพรางหรือเปลี่ยนแปลงสภาพทรัพย์สิน