MGR Online - "บิ๊กหลวง" เผย ปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลม ครั้งที่ 3 ขยายผลตัดวงจรเครือข่ายค้ายาเสพติด "เตชินท์" สั่งการจากเมียนมา ใช้คนไทยลำเลียงส่งตอนในประเทศ
วันนี้ (25 มิ.ย.) เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. , น.อ.ฤทธิ์ นาทวงศ์ ผู้บังคับกรมรบพิเศษ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ และ พ.อ.พิรุฬห์สิระ เอี่ยมมาลา ผู้บังคับหน่วยข่าวกรองทางทหาร สนับสนุนหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ร่วมแถลงผลการจับกุม ผู้ต้องหา 4 คน ยาบ้า 1,300,000 เม็ด เหตุเกิดที่ จ.พิจิตร ต่อเนื่อง จ.นนทบุรี ขยายผลตรวจค้นบ้านพักผู้ต้องหารวม 4 จุด (จ.พะเยา, จ.ระยอง) ผลการตรวจค้น พบ ยาบ้า 39 เม็ด ตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน อาทิเช่น ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 2 แปลง รถยนต์ 1 คัน รวมมูลค่าประมาณ 2,550,000 บาท
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก ป.ป.ส. ร่วมกับหน่วยงานภาคี ทำการสืบสวนเครือข่ายการค้ายาเสพติดของ "นายเตชินท์ หน่อวงค์" ซึ่งเป็นผู้สั่งการและจัดหายาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้เครือข่ายผู้ลำเลียงชาวไทยลักลอบนำยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนใน โดยที่ผ่านมาจับกุมคดีที่เกี่ยวข้องเครือข่าย "นายเตชินท์" จำนวน 2 คดี คือ คดีที่ 1 วันที่ 22 ต.ค.67 จับกุมผู้ต้องหา 3 คน เฮโรอีน 154 กิโลกรัม ที่ จ.ชัยนาท ต่อเนื่อง จ.สุพรรณบุรี และ คดีที่ 2 วันที่ 15 ก.พ.68 จับกุมผู้ต้องหา 3 คน ไอซ์ 504 กิโลกรัม ซุกซ่อนในช่องลับรถบรรทุก ที่ จ.นครสวรรค์ ต่อเนื่อง จ.นนทบุรี นอกจากนี้ ยังมีคดี ที่ บก.น.2 จับกุมผู้ต้องหา 1 คน ไอซ์ 105 กิโลกรัม เครือข่าย "นายเตชินท์" พื้นที่ กทม.
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนขยายผลเครือข่ายยาเสพติด "นายเตชินท์" พบว่าในห้วงเดือน มิ.ย.68 มีการใช้รถยนต์คันต้องสงสัยเดินทางจากพื้นที่ภาคเหนือมุ่งหน้าเข้าสู่พื้นที่ภาคกลาง จึงสนธิกำลังร่วมตรวจสอบ กระทั่งวันที่ 21 มิ.ย.68 เวลาประมาณ 02.00 น. พบรถกระบะบรรทุกแบบคอก อำพรางด้วยสินค้าเกษตร มีลักษณะต้องสงสัย จึงขอทำการการตรวจค้น
ด้าน นายปฤณ เผยว่า ผลการตรวจค้น สามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 คน เป็นชาว จ.พะเยา พร้อมยาบ้า 1.3 ล้านเม็ด บรรทุกอยู่ท้ายกระบะ เหตุเกิดในพื้นที่ จ.พิจิตร ต่อมา ขยายผลจับกุมผู้รับยาเสพติดปลายทาง ผู้ต้องหาอีก 2 คน เป็นชาว จ.ระยอง ขณะมารับยาเสพติด เหตุเกิดในพื้นที่ ต.บางใหญ่ จ.นนทบุรี จากนั้น เจ้าหน้าที่ค้นบ้านพักผู้ต้องหารวม 4 จุด ทั้ง จ.พะเยา และ จ.ระยอง ผลการตรวจค้น พบ ยาบ้า 39 เม็ด (ที่บ้านพักของผู้ต้องหาชาวระยองที่มารับยาเสพติด) และตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน อาทิเช่น ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 2 แปลง รถยนต์ 1 คัน รวมมูลค่าประมาณ 2,550,000 บาท
นายปฤณ เผยต่อว่า ผู้ต้องหาให้การว่า ในคดีนี้มีผู้ว่าจ้างให้ไปรับยาเสพติดในพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อนำไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง (จ. สุพรรณบุรี หรือ จ.นนทบุรี) ตั้งแต่ห้วง เม.ย.67 - มิ.ย.68 ระยะเวลารวม 1 ปี 2 เดือน เคยลำเลียงยาเสพติดมาแล้ว 6 ครั้ง ได้ค่าจ้างลำเลียงยาเสพติดครั้งละ 100,000 - 200,000 บาท ยาเสพติดที่เคยลำเลียงเป็นประเภทยาบ้า (ระดับล้านเม็ดขึ้นไป) , ไอซ์ เฮโรอีน ปริมาณ 100 กิโลกรัมขึ้นไป โดยส่วนใหญ่จะลำเลียงยาเสพติดไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ จ.นนทบุรี จ.สุพรรณบุรี จ.นครปฐม
นายปฤณ เผยอีกว่า คดีนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. เตรียมรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับ 3 คน เป็นระดับผู้สั่งการในการลำเลียงยาเสพติดพื้นที่ภาคเหนือ และผู้สั่งการในการรับยาเสพติดพื้นที่ตอนใน ส่วนกลุ่มลูกค้ายาเสพติด เบื้องต้นคาดว่าเป็นเครือข่ายนักค้ายาเสพติดภาคตะวันออก (จ.ระยอง) อยู่ระหว่างขยายผล
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวในช่วงท้ายว่า สำหรับ นายเตชินท์ ผู้ต้องหารายสำคัญ ได้มีการตั้งรางวัลนำจับ 1 ล้านบาท จากข้อมูลการสืบสวนทราบว่านายเตชินท์ หลบหนีอยู่ในประเทศเมียนมา นอกจากนี้ ระหว่างวันที่ 2-4 ก.ค. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. จะเดินทางหารือกับทางการเมียนมา ร่วมมือจับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายยาเสพติดและพิจารณายึดทรัพย์เครือข่ายของคนไทย ที่ไปถือครองทรัพย์สินในเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท