หัวอกคนอยากมีบ้าน เจอผู้รับเหมาแบบครูพักลักจำ รับเงินแล้วเผ่นหนี ทิ้งโครงสร้างกับกำแพง ก่อนหลบหนี สูญเงินหลายสิบล้าน
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 68 ที่สำนักงานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ถ.แจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ดจังหวัดนนทบุรี ผู้เสียหายหลายราย นำเอกสารหลักฐานต่างๆ เข้าร้องเรียนกับนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ประธานมูลนิธิ นางชฎาภรณ์ พงศ์ทองเมือง ที่ปรึกษามูลนิธิ หลังทั้งหมดถูกบริษัท ทรัพย์มงคลก่อสร้าง เลขที่ 279 หมู่ 11 บ้านหนองหญ้าแพรก ตำบลดอนหัน อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งมีนายกฤติเดช นฤาชาติสถิตร กรรมการผู้ว่ามีอำนาจลงนามและเป็นผู้จัดการบริษัทแห่งนี้หลอกลวงเอาเงินไปหลังทำสัญญาจะปลูกบ้านให้ ผู้เสียหายแต่ละราย แต่ไม่เคยมีรายไหน ได้บ้านตามที่ตกลงไว้ในสัญญา มีเพียงโครงสร้างกำแพง ผนัง ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า โดยเฉพาะหนุ่มสุรินทร์ สูญเงินครึ่งล้านถูกแม่ด่า"โง่จนไม่มีที่อยู่" ถึงกับหลั่งน้ำตาในมูลนิธิ
นายอ้น อักษร หนุ่มสุรินทร์ (เสื้อดำ) อาชีพรับจ้าง ชาวจังหวัดสุรินทร์ กล่าวด้วยเสียงอันเศร้าว่า ตนทำสัญญาว่าจ้างให้นายกฤติเดช ผู้รับเหมาก่อสร้าง สร้างบ้านชั้นเดียว ในจังหวัดสุรินทร์ บ้านเกิด ราคา 545,000 บาท โดยจ่ายเป็นงวดๆไปแล้ว 6 งวด จนครบเงินตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญา แต่กลับได้บ้านมาเพียงแค่โครงบ้านและหลังคาไม่กี่แผ่น เมื่อติดต่อไปทางผู้รับเหมาก็บล็อกตนเองทุกช่องทาง จนตนเองถูกคุณแม่ด่าว่าโง่จนไม่มีบ้านอยู่ นายอ้นถึงกับร้องไห้หลั่งน้ำตา ที่มาเจอปัญหาแบบนี้ทั้งๆที่ตนเองเป็นแค่คนหาเช้ากินค่ำอยากมีบ้านอยู่ต่างจังหวัดสักหลัง กับต้องมาสิ้นเนื้อประดาตัวเพราะมาเจอผู้รับเหมาครูพักลักจำ หากินแบบนี้ ตนไม่น่าหลงเชื่อคิดว่าเขามีบริษัทใหญ่โตแล้วไปเจอข้อความใน Facebook จึงตกลงว่าจ้างให้ปลูกบ้านให้
คุณโอเล่ (เสื้อขาวหน้าตาสวย) ผู้เสียหายรายที่ 2 ชาวจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ตนว่าจ้างบริษัทแห่งนี้ปลูกบ้านชั้นเดียวราคา 1,350,000 บาท โดยจ่ายเป็นงวดๆ หมดเงินไปแล้ว 800,000 บาท ได้โครงสร้างบ้านกับผนังบ้านแต่เหล็กไม่มีมาตรฐานเลย กำแพงบ้านสั่นไหวเหมือนสึนามิ ตนเลยถ่ายวีดีโอไว้เป็นหลักฐาน ทุกวันนี้ไม่กล้าเข้าไปเลยในบ้านหลังนี้ เพราะกลัวโครงสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานพังลงมา ไม่อยากให้เขาไปหลอกลวงใครอีก เพราะเห็นว่าใน Facebook ของเขายังเปิดรับเหมาสร้างบ้านต่อเติมบ้านอยู่เลย แต่กับพวกตน ถูกบล็อกทุกช่องทาง ไม่อยากให้ใครตกเป็นเหยื่อหลงเชื่ออีก
นายสนิท จงรักษา อายุ 54 ปี ผู้เสียหายรายที่ 3 ชาวจังหวัดชลบุรี เผยว่าตนว่าจ้างบริษัทแห่งนี้สร้างบ้านชั้นเดียวราคา 850,000 บาท จ่ายเป็นงวดๆหมดไปแล้ว 255,000 บาท ยังไม่ทันได้สร้างบ้านเลย ก็ถูกผู้รับเหมารายนี้ เบี้ยวสัญญา ไม่สร้างบ้านตามที่ตกลงไว้ รู้สึกเสียใจและเจ็บใจเป็นอย่างมาก จึงได้มาร้องกับทางมูลนิธิ เพื่อให้ช่วยเหลือดำเนินการตามกฎหมาย
นางสุมาลี ชาวจังหวัดลพบุรี อายุ 46 ปี ผู้เสียหายอีกราย เล่าว่า ตนให้บริษัทดังกล่าวปลูกบ้านชั้นเดียวราคา 1,400,000 บาท จ่ายค่าวัสดุอุปกรณ์ไปแล้ว 526,000 บาท ปรากฏผู้รับเหมารายนี้ ปลูกให้ตนได้แค่ผนังบ้านโครงสร้างและก็พื้นก่อนจะทิ้งงานเผ่นหนี ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย ตนทราบมาว่ายังมีผู้เสียหายอีกกว่า 50 ราย ที่ถูกบริษัทแห่งนี้หลอกลวงสูญเงินนับ 10 ล้านบาท และไม่เคยมีรายไหน ที่ได้บ้านสำเร็จตามที่ตกลงไว้ในสัญญาเลย ทำได้ไม่ถึงครึ่งก็ทิ้งงานหนีแล้วถือเป็นภัยสังคม อยากให้ทางมูลนิธิช่วยเหลือด้วย
ทางด้านทนายรณณรงค์ ประธานมูลนิธิกล่าวว่า จะนัดผู้เสียหายให้ได้มากที่สุดเพื่อเดินทางไปร้องเรียนกับทาง ตำรวจไซเบอร์ เพื่อให้ดำเนินหรือคดีกับ ผู้รับเหมารายนี้ ในข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ส่วนเรื่องจะเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ จะให้ผู้เสียหายที่แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วในแต่ละพื้นที่แจ้งความเพิ่มเติมหากเข้าข่าย เบื้องต้นเท่าที่ตรวจสอบบริษัทแห่งนี้ไม่มีอยู่จริง ตั้งขึ้นมาเพียงแค่ลอยๆ การโอนเงินของผู้เสียหายก็โอนผ่านบัญชีบุคคลซึ่งเป็นภรรยาของเขา จึงเชื่อแน่ว่า เป็นการหลอกลวง หากคุณไม่ได้หลอกก็อยากให้ออกมาชี้แจง ตนเชื่อแน่ว่าจะมีผู้เสียหายอีกจำนวนมากที่ได้รับความเดือดร้อน จากบริษัทแห่งนี้และอยากให้ออกมาแสดงตัว เพื่อเอาผิดทางกฎหมายกับบริษัทดังกล่าวต่อไป