xs
xsm
sm
md
lg

ศาลไต่สวน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ปม"ทักษิณ" รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดสอบเพิ่มอีก 20 ปากช่วงเดือน ก.ค.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ศาลฎีกาฯ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไต่สวน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ปม "ทักษิณ" รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ เจ้าตัวเบิกความส่งตัวไปรักษาตามความเห็นของแพทย์ ด้านทนายวิญญัติ ยัน"ทักษิณ" เป็นนักโทษเด็ดขาด ผ่านกระบวนการกฎหมายแล้ว ศาลสอบพยานเพิ่มอีก 20 ปีช่วงเดือน ก.ค.

วันนี้ (13 มิ.ย.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถนนราชดำเนินใน วันนี้ศาลนัดพร้อมและไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก แต่ได้มีการส่งตัวนายทักษิณไปรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยในวันนี้ได้มีการออกหมายเรียกให้นายมานพ ชมชื่น ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ขึ้นไต่สวนเป็นพยานปากแรก

ทั้งนี้เมื่อศาลออกนั่งบัลลังก์ ศาลได้ตรวจพยานเอกสารของผู้บัญชาการเรือนจำที่ส่งมาให้ศาลพิจารณา โดยศาลได้ไต่สวนนายมานพเกี่ยวกับการส่งตัวนายทักษิณ ไปรักษายังโรงพยาบาลตำรวจตามขั้นตอนต่าง ๆ ซึ่งนายมานพเบิกความต่อศาลเกี่ยวกับการเข้ารับตำแหน่งและการทำหน้าที่ของผู้บัญชาการเรือนจำ รวมถึงการทำหน้าที่พัศดีเวรในการรับและส่งตัวจำเลย ไปยังสถานพยาบาลนอกเรือนจำ โดยการรับตัว มีการตรวจสอบบุคคง ลายพอมพ์นิ้วมือและประวัติการรักษาจากต่างประเทศ พร้อมหมายจำคุกของนายทักษิณ

โดยผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เบิกความ ปฏิเสธต่อศาลว่าไม่ทราบว่าประวัติการรักษาตัวจากต่างประเทศของนายทักษิณยังอยู่ในเรือนจำหรือไม่ ซึ่งศาลมีคำสั่งให้ส่งประวัติดังกล่าวมา แต่ถ้าไม่มีให้แจ้งศาลภายใน 15 วันในตอนที่รับตัวนายทักษิณเจ้ามา พ.ญ.รวมทิพย์ สุภานันท์ ได้ตรวจร่างกายนายทักษิณ และระบุว่านายทักษิณอยู่ในเกณฑ์ผู้ต้องขัง 608 ซึ่งหมายความว่ามีผู้ต้องขังอายุเกิน 60 ปี และมีโรคเรื้อรัง 8 โรค ซึ่งสามารถดูอาการที่เรือนจำได้ แต่หากมีเหตุฉุกเฉินสามารถส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลภายนอก และทำใบส่งตัวไว้ล่วงหน้า ซึ่งเป็นเรื่องปกติในเรือนจำ

นายมานพยังระบุอีกว่า ภายในเรือนจำมีพยาบาล 1 คน ต่อผู้ต้องขัง 4 พันคน โดยไม่มีแพทย์ประจำและวินิจฉัยโรงเบื้องต้น และเป็นคนละที่กับฑัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์

ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่านายทักษิณมีอาการความดันโลหิตสูง ค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ นอนไม่หลับ แน่นหน้าอก โดยแพทย์ไม่ได้ตรวจวินิจฉัยแต่พยาบาลได้โทรประสานปรึกษาแพทย์ประจำทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ หลังจากนั้นจึงเป็นผู้มีความเห็นให้ส่งตัวไปรักษากับโรงพยาบาลตำรวจ

เมื่อศาลซักถามถึงกระบวนการการส่งตัว นายมานพยังเบิกความยอมรับว่า ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ยังมีบริเวณรั้วติดกับเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ซึ่งปกติจะต้องรักตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ทุกครั้ง

นายมานพ ยังเบิกความต่อศาลอีกเพื่อย้ำถึงการส่งตัวอีกว่า การส่งตัวผู้ต้องหาไปรักษาตัวนอกสถานที่นั้นเป็นการอาศัยระเบียบพ.ร บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ซึ่งการส่งตัวตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ฯ ดังกล่าว ที่มีการใช้เป็นปกติ ซึ่งจะแตกต่างจาก ป.วิอาญา ซึ่งเป็นการทุเลาโทษ และนับระยะเวลาการรักษาเข้าไปในวันจำขัง


ต่อมานายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ได้แถลงขออนุญาตซักถามพยานเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง 10 คำถาม โดยศาลพิจารณาแล้ว อนุญาตให้นายวิญญัติถามบางคำถาม โดยมีการแจ้งคำถามต่อศาลเนื่องจากบางคำถาม ศาลเตรียมที่จะเรียกพยานเข้ามาไต่สวนอยู่แล้ว โดยคำถามของนายวิญญัติเป็นการถามค้านในข้อเท็จจริง จากที่นายมานพได้เบิกความไว้

ภายหลังได้ถามค้านเสร็จสิ้น นายวิญญัติ ได้แถลงขอนำพยานบุคคลเข้าให้ศาลไต่สวนเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง โดยศาลพิจารณาแล้วให้นายวิญญัติทำคำร้องส่งเป็นเอกสารเข้ามาให้ศาลพิจารณาต่อไป

ขณะที่หลังจากไต่สวนนายมานพ ชมชื่น เสร็จสิ้นแล้ว ศาลตึงอ่านรายงานกระบวนพิจารณา ศาลเห็นว่ามีความจำเป็นต้องไต่สวนพยานจำนวน 20 ปากเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง โดยกลุ่มแรกเรียกไต่สวนในวันที่ 4 ก.ค. เป็นกลุ่มแพทย์ที่เกี่ยวข้อง คือพ.ญ.รวมทิพย์ สุภานันท์ และนายแพทย์ รพ.ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จากนั้นวันที่ 8 ก.ค. เป็นเจ้าหน้าที่พัศดีและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ สัญญา วงศ์หินกอง พัศดีเวรประจำเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ส่วนวันที่ 15 เป็นผู้บริหารโรงพยาบาลราชทัณฑ์และผู้บริหารเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ในจำนวนนี้มีนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์คนปัจจุบัน นายนัสที ทองปลาด อดีตผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มหานครนายปราโมทย์ ทองศรี อดีตผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และศาลได้นัดอีกครั้งในวันที่ 18,25,30 ก.ค.

นอกจากนี้ศาลยังให้ป.ป.ช.ส่งรายงานการสอบสวนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่ว่าด้วยเรื่องมติที่ประชุมแพทยสภา และใบเบิกค่าใช้จ่ายของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่เข้าเวรควบคุมตัวนายทักษิณที่โรงพยาบาลตำรวจ และประวัติการรักษาตัวจากต่างประเทศที่ราชทัณฑ์ระบุไว้ว่ามีอยู่แต่ยังหาไม่พบ ให้ส่งกลับมายังศาลภายใน 15 วัน


ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันที่ตนเองในฐานะที่เป็นทนายฝ่ายจำเลย ที่ศาลได้มีหมายนัดแจ้งมา เพื่อจะนัดพร้อมและนัดไต่สวน จากเดิมที่ยังไม่รู้ว่าศาลจะดำเนินกระบวนการพิจารณาอย่างไร วันนี้ศาลก็ได้กำหนดแนวทางที่ชัดเจนแล้ว ซึ่งวันนี้ศาลได้ไต่สวนพยาน 1 ปาก คือผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และมีการซักถามพยาน แต่ศาลก็เห็นว่ายังมีข้อเท็จจริงอีกพอสมควรที่จะต้องแสวงหาความจริง และหลักฐาน มาประกอบการวินิจฉัย มีพยานบุคคลอีกกว่า 20 ปากที่ศาลมีหมายเรียกมาให้การไต่สวนต่อศาล และให้โอกาสจำเลยด้วย โดยตนเองได้ยื่นเสนอพยานบุคคลเพื่อประกอบการชี้แจงต่อศาล และศาลก็ให้เขียนคำร้องเข้าไป และศาลจะพิจารณาว่าจะอนุญาตหรือไม่

ศาลไม่ได้รับฟังกระแสสังคมอย่างเดียว แต่ฟังพยานหลักฐานและพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องจริงๆ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง ทั้งนี้ยังบอกไม่ได้ว่าแนวทางเหล่านี้จะเป็นคุณหรือเป็นโทษ แต่ความจริงคือนายทักษิณมอบตัว ถูกหมายจำคุก ก็ได้ถูกนำตัวเข้าเรือนจำ ไปอยู่ในแดนที่อยู่ในบริเวณของเรือนจำ ถือว่าได้อยู่ในกระบวนการของการบังคับโทษเบื้องต้นแล้ว ต่อมานายทักษิณป่วย ได้รับการตรวจอย่างน้อย 3 เวลาตามมาตฐาน แต่แพทย์เห็นว่าเป็นโรคที่ต้องเฝ้าระวัง ก่อนจะถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล และกระบวนการหลังจากนี้ก็เป็นการถูกจำคุกตามมาตรา 55 ของ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ถือว่าโรงพยาบาลเป็นสถานที่คุมขัง และยังอยู่ในความควบคุมของกรมราชทัณฑ์ เมื่อมีสิทธิประโยชน์ของผู้ต้องขัง เช่น การขอพระราชทานอภัยโทษ นายทักษิณก็ใช้กระบวนการนั้น เมื่อถึงเวลาคณะอนุกรรมการพิจารณาการพักโทษ ซึ่งจะต้องเข้าเกณฑ์เป็นผู้ถูกคุมขังและเป็นนักโทษเด็ดขาด ซึ่งก็ผ่านกระบวนการของรัฐมาหมด จนนายทักษิณได้รับการพักโทษออกมา และต่อมาก็ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ เท่ากับนายทักษิณผ่านกระบวนการที่เกิดขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศไทยทั้งหมด


ทั้งนี้นายวิญญัติยังให้ขีดเส้นใต้ว่า "นายทักษิณเป็นนักโทษเด็ดขาด ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ถึงผ่านการพิจารณาอภัยโทษ จึงได้รับการพิจารณาปล่อยตัว" ส่วนจะนำนายทักษิณมาเบิกความต่อศาลฎีกาหรือไม่ ขอไม่ตอบ

ส่วนเรื่องมติแพทยสภา เป็นเรื่องหมอกับหมอ ก็ว่ากันไป มีข้อบังคับของตนเอง และจริยธรรมต่างๆ แต่แพทยสภาจะมีข้อเคลือบแคลงถึงความไม่เป็นกลาง หรือมีนัยยะใดหรือไม่ ตนเองไม่มีความเห็น ขอยืนยันเพียงว่าเป็นคนละประเด็นกับที่ศาลไต่สวน เนื่องจากแพทยสภาก็ไม่เคยปฏิเสธว่านายทักษิณไม่ได้ป่วย มีเพียงเรื่องอาการวิกฤติหรือไม่ ซึ่งก็ไม่ใช่ประเด็น เพราะในกฎหมายไม่มีคำนี้ ดังนั้นแพทยสภาจะมีมติอย่างไรก็เป็นเรื่องของแพทยสภา แต่ตนเองเชื่อว่านายแพทย์ที่รักษานายทักษิณ ใช้ดุลพินิจส่วนตัววินิจฉัยร่างกายของผู้ป่วย และดุลพินิจสามารถแตกต่างกันได้ในแพทย์แต่ละคน หากเป็นเรื่องผิดจริยธรรม ก็อาจเป็นมาตรฐานใหม่ของแพทยสภาหรือไม่ อย่างไรก็ตามแพทย์ทั้ง 3 คน ยังสามารถเรียกร้องความเป็นธรรมผ่านการยื่นศาลปกครองได้อยู่

ส่วนประวัติการรักษาตัวของนายทักษิณที่รักษาตัวในต่างประเทศ ยืนยันว่ามีแน่นอน แต่ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลสุขภาพ ที่ต้องได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายที่ใครจะเอามาเปิดเผยได้ และนายทักษิณก็ไม่ยินดีที่จะเปิดเผยหรือให้ใครคัดลอกสำเนา แต่ได้มีการยื่นให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และแพทย์ที่ทำการตรวจร่างกายแล้ว แพทย์มีการบันทึกไว้ในประวัติผู้ป่วยแล้ว ก่อนจะคืนประวัติให้เจ้าของ ตอนนี้เมื่อศาลต้องการเห็นประวัติและร้องขอให้กรมราชทัณฑ์ส่งให้ ก็ต้องรอดูทางกรมราชทัณฑ์ ซึ่งศาลไม่ได้เรียกจากตนเอง แต่เรียกจากกรมราชทัณฑ์ แต่หากเรียกจากตนเอง ตนเองก็ต้องส่งให้ ซึ่งนายทักษิณก็มีสงวนสิทธิ์ไม่ส่งได้

ส่วนเรื่องใบเสร็จ ต้องถามนายชาญชัยกับพวกว่าได้มาได้อย่างไร หากเป็นข้อมูลส่วนตัวที่ควรต้องปกปิด ก็ขอให้มีการตรวจสอบว่านายชาญชัยได้มาได้อย่างไร แต่หากถามว่าทำไมใบเสร็จน้อย ไม่มีค่ายา ก็ขอบอกว่าโรคของนายทักษิณน้อย ไม่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และนายทักษิณก็รักษาตัวอยู่ต่างประเทศก่อนแล้ว ดังนั้นไม่มีกฎหมายใดห้ามใช้หมอหรือ ยาจากต่างประเทศ ตนเองขอตอบแค่นี้




กำลังโหลดความคิดเห็น