"เอกนัฏ" ส่ง "ทีมสุดซอย" ขยายผลจับโรงงานเถื่อนลักลอบบดยาง นำเข้าจากกัมพูชา ผ่านข้ามแดนทางจังหวัดสระแก้ว ก่อนกระจ่าเข้าโรงงานเถื่อนเมืองชลบุรี สั่งอายัดเศษพลาสติกสายไฟไร้ที่มา 3 พันตัน
วันนี้( 12 มิ.ย.)นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หัวหน้าชุดปฏิบัติการตรวจสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือ “ทีมสุดซอย” พร้อมด้วย กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ลงพื้นที่ตรวจสอบหลังการขยายผลจากขบวนการลักลอบนำเข้าเศษยางจากกัมพูชา ผ่านข้ามแดนมายัง จ.สระแก้ว และกระจายไปยังโรงงานเถื่อนใน จ.ชลบุรี ระยอง และสมุทรสาครที่ได้มีการดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้ และพบข้อมูลว่า มีโรงงานเถื่อน ตั้งอยู่ที่ ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร มีการนำยางรถยนต์มาบดย่อยบริเวณโรงงานอย่างไม่ถูกต้อง
น.ส.ฐิติภัสร์ กล่าวว่า จากการเข้าตรวจสอบพบว่ามีการลักลอบตั้งโรงงานนำยางรถยนต์มาบดย่อยอย่างไม่ถูกต้อง และพบนายกานต์ อาหยี รับเป็นเจ้าของโรงงานและเศษยาง เพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ จนท.ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวไปดำเนินคดีข้อหาตั้งและประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้เข้าตรวจสอบเพิ่มเติมต่อในพื้นที่ด้านข้างโรงงาน พบ บริษัท เถิงฮุย ฮาร์ดแวร์ พลาสติก จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 54/12 หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านเกาะ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ประกอบกิจการทำเม็ดพลาสติก แต่ประกอบกิจการไม่ตรงตามเงื่อนไขในใบอนุญาต และไม่สามารถชี้แจงที่มาของกองวัตถุดิบที่เป็นเศษพลาสติกสายไฟบดย่อย กองไว้สูงเป็นภูเขาประมาณ 3,000 ตันได้ เจ้าหน้าที่จึงสั่งให้หยุดดำเนินการ พร้อมอายัดเศษพลาสติกสายไฟทั้งหมด และดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน ประกอบกิจการในส่วนขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต
"จากการจับกุมดำเนินคดีในครั้งนี้เห็นได้ชัดว่า กระทรวงอุตสาหกรรมต้องเร่งจัดการขบวนการธุรกิจเถื่อนอย่างเด็ดขาดโดยเร็ว เพราะผู้ประกอบการเหล่านี้ไม่เกรงกลัวกฎหมาย สร้างปัญหาซ้ำซากให้สังคมไทย และทีมสุดซอยจะทำการขยายผลต่อไป ทั้งขบวนการลักลอบนำเข้าเศษยางจากต่างประเทศ ขบวนการลักลอบทิ้งเศษพลาสติกสายไฟ และโรงงานหลอมเม็ดพลาสติกเถื่อน หากท่านใดมีข้อมูลหรือเบาะแสสามารถแจ้งเข้ามาผ่าน แจ้งอุต เพื่อจะได้ดำเนินการตรวจสอบโดยเร็ว เพื่อจัดการผู้ประกอบการสีเทาให้หมดไป" นางสาวฐิติภัสร์กล่าว