ตำรวจไซเบอร์ได้รับแจ้งเบาะแสจากแอป “ทางรัฐ” จับ 2 วัยรุ่นขอนแก่นโพสต์ขายปืนเถื่อน อีกคดีจับสาวลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านทางเฟซบุ๊ก
วันนี้ (12 มิ.ย.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปกรณ์กิตติ์ ธนวรินทร์กุล ผกก.3 บก.สอท.2 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้แถลงผลการจับกุมผู้กระทำความผิดในคดีอาชญากรรมออนไลน์ 2 คดีสำคัญ โดยเป็นการจับกุมเยาวชน 2 รายในจังหวัดขอนแก่น ที่โพสต์ขายอาวุธปืนเถื่อนผ่านช่องทางออนไลน์ และจับกุมหญิงสาวที่ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งทั้งหมดสืบเนื่องมาจากการแจ้งเบาะแสจากประชาชนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ”
คดีแรก สายตรวจไซเบอร์ได้ตรวจพบบัญชีเฟซบุ๊กที่โพสต์ข้อความลงในกลุ่มสาธารณะสำหรับซื้อขายอาวุธปืน ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่าย เจ้าหน้าที่จึงแฝงตัวเข้าล่อซื้ออาวุธปืน 2 กระบอก ในราคา 21,000 บาท ก่อนนัดหมายรับสินค้าที่บริเวณปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น โดยมีนายเจี๊ยบและนายสิงห์ เป็นผู้มาส่ง ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าจับกุม นายเจี๊ยบพยายามไหวตัวทันและรีบถอยรถยนต์เพื่อหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงใช้รถยนต์ 3 คันเข้าปิดกั้นเพื่อสกัดการหลบหนี จนสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนได้สำเร็จ พร้อมยึดของกลางเป็นอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด 9 มม. (ดัดแปลงจากปืนบีบีกัน) จำนวน 2 กระบอก, กระสุนปืนขนาด 9 มม. 5 นัด, กระสุนปืนขนาด .380 ACP 1 นัด และซองแม็กกาซีนกระสุนปืน 4 อัน
จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าสั่งซื้ออาวุธปืนมาจากคนรู้จักและร้านขายปืนบีบีกันแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น ก่อนจะนำมาดัดแปลงเอง โดยศึกษาจากช่างที่มีความรู้เรื่องการดัดแปลงอาวุธปืนผ่านกลุ่มไลน์ และนำมาขายในราคากระบอกละ 20,000 บาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและขยายผลถึงแหล่งที่มาของอาวุธปืนต่อไป
คดีที่สอง สายตรวจไซเบอร์ได้รับแจ้งเบาะแสผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ว่ามีผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสืบสวนพบบัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “บุหรี่ไฟฟ้า มาบตาพุด ห้วยโป่งระยอง (อุปกรณ์ครบคัน)” ซึ่งมีการโพสต์โฆษณาจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่จึงทำการล่อซื้อ ก่อนสืบสวนแหล่งที่มาและเส้นทางการขนส่งของพัสดุดังกล่าว จนนำไปสู่การจับกุม น.ส.ธีราภรณ์ อายุ 40 ปี ได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่ง บริเวณถนนวัดมาบตาพุด ต.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง จ.ระยอง
เจ้าหน้าที่ได้ยึดของกลางเป็นเครื่องบุหรี่ไฟฟ้าชนิดสูบแล้วทิ้ง 164 ชิ้น เครื่องบุหรี่ไฟฟ้าชนิดเปลี่ยนหัว 3 เครื่อง หัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 30 ชิ้น และน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า 72 ขวด รวมถึงอุปกรณ์แพ็กกล่องพัสดุและเครื่องมือสื่อสารที่ใช้ในการกระทำความผิดที่วางอยู่ภายในห้องโถงของบ้าน นอกจากนี้ยังพบแท็บเล็ตที่มีการลงชื่อเข้าใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “บุหรี่ไฟฟ้ามาบตาพุด ห้วยโป่งระยอง (อุปกรณ์ครบคัน)” ซึ่งเป็นของผู้ต้องหา จากการสอบสวน น.ส.ธีราภรณ์ ให้การรับสารภาพว่าเปลี่ยนจากการขายหน้าร้านมาเป็นการขายออนไลน์แทน เพื่อหลบเลี่ยงการถูกจับกุมตามนโยบายของรัฐบาล โดยได้ขายออนไลน์มาประมาณ 3 เดือน และมีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 50,000 บาท
เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ ที่ 24/2567 เรื่อง ห้ามผลิตเพื่อขาย ห้ามขายหรือให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า และช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้ โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการทางศุลกากรก่อนนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป