xs
xsm
sm
md
lg

รวบเครือข่ายตุ๋นร้านรับเหมาโอนมัดจำสูญ 2 แสน พร้อมตามอายัดเงินทั้งหมดคืนเหยื่อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ผบช.ไซเบอร์แถลงปฏิบัติการ “MONEY CASH BACK ปิดบัญชี ตามล่าม้าคว้าเงินคืน EP.9” จับเครือข่ายกลอกร้านรับเหมาโอนมัดจำรวม 2 แสน พร้อมตามอายัดเงินทั้งหมดคืนเหยื่อได้ทัน

วันนี้ (9 มิ.ย.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.3 และ พล.ต.ต.ศิลา กาญจน์รักษ์ ผบก.ตอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าวปฏิบัติการ “MONEY CASH BACK ปิดบัญชี ตามล่าม้าคว้าเงินคืน EP.9” ตำรวจไซเบอร์รวบเครือข่ายหลอกร้านรับเหมาโอนเงินมัดจำ ตามอายัดทันทั้ง 2 แสน นำคืนผู้เสียหาย

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดดำเนินการตามโครงการ “MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน” โดยก่อนหน้านี้ สามารถจับกุมเครือข่ายบัญชีม้าของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ และสามารถติดตามนำคืนให้แก่ผู้เสียหายตามขั้นตอนในโครงการ “Money Cash Back” ไปแล้วหลายครั้ง รวมจำนวนเงินกว่า 7 ล้านบาท

ล่าสุดมีผู้เสียหายวัย 39 ปี เป็นเจ้าของกิจการรับเหมาติดตั้งรางน้ำฝนและงานสแตนเลสทั่วไปอยู่ในพื้นที่ ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยผู้เสียหายได้ลงข้อมูลเกี่ยวกับการรับเหมาติดตั้งรางน้ำ ในเว็บไซต์ ของ Google และ Google Map

กระทั่งวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายโทรศัพท์หาผู้เสียหายและแอดไลน์สอบถามผู้เสียหาย โดยคนร้ายต้องการให้ผู้เสียหายสั่งผลิตโต๊ะสแตนเลสจากร้านชื่อ “ชูชีพสแตนเลส” ให้ พร้อมกับแจ้งเบอร์โทรศัพท์ของร้านดังกล่าวมาให้ โดยเหตุผลที่คนร้ายไม่สั่งผลิตเองโดยตรงเนื่องจากอ้างว่า หัวหน้าของคนร้ายมีปัญหากับร้านดังกล่าว จึงจำเป็นต้องให้ผู้เสียหายสั่งผลิตให้ โดยให้ผู้เสียหายบวกกำไรเพิ่มจากราคาที่สั่ง ต่อมา ผู้เสียหายได้โทรติดต่อร้านชูชีพสแตนเลสเพื่อสั่งทำโต๊ะ จำนวน 47 ตัว รวมเป็นเงิน 705,000 บาท ต่อมาร้านชูชีพสแตนเลสจึงให้ผู้เสียหายโอนเงินมัดจำ จำนวน 200,000 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินจำนวนดังกล่าวไป

กระทั่งวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา ร้านชูชีพสแตนเลสติดต่อมาเพื่อต้องการให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่ม แต่ผู้เสียหายเริ่มแปลกใจกับเหตุการณ์ดังกล่าวจึงไม่ได้โอนเงินให้ ผู้เสียหายจึงได้ทวงเงินค่าสินค้ากับไลน์ของคนร้าย แต่กลับได้รับการบ่ายเบี่ยง จึงร็ตัวว่าโดนหลอกลวงและเข้าแจ้งความในที่สุด

จากกรณีดังกล่าว พ.ต.อ.ขจร อบทอง รอง ผบก.สอท.2 ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในขบวนการ จนสามารถออกหมายจับได้แล้วหลายราย โดยล่าสุด พ.ต.อ.มนต์ขัย บุญเลิศ ผกก.2 บก.สอท.2 ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.ศุภณัฎฐ์ เกตุแก้ว สว.กก.2 บก.สอท.2
นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ติดตามจับกุม นายชัยวัฒน์ อายุ 61 ปี หนึ่งในขบวนการได้สำเร็จ โดยควบคุมตัวได้ที่บ้านพักในพื้นที่ ม.10 ต.หนองยาว อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา

โดยดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง

จากกรณีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถประสานงานธนาคารเพื่ออายัดเงินในบัญชีธนาคารของนายชัยวัฒน์ไว้ได้ เป็นจำนวน 200,000 บาท เบื้องต้น เจ้าตัวให้การภาคเสธว่า เพื่อนของหลานสาวตนเคยจะทำสัญญาเงินกู้ให้ โดยได้ขอบัตรประชาชนของตนเองไปถ่ายสำเนา และให้ตนเองแสกนใบหน้าผ่านมือถือ จากนั้นได้คืนบัตรประชาชนกลับมาให้ตนเอง แต่ตนเองก็ไม่เคยได้รับเงินที่บอกว่าจะกู้ให้แต่อย่างใด จึงเชื่อว่าเพื่อนของหลานสาวน่าจะเอาไปเปิดบัญชีธนาคารแล้วเอาไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมาย โดยตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินที่อายัดไว้ จึงขอไม่โต้แย้งในกรรมสิทธิ์และยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งมอบเงินในบัญชีตามจำนวนดังกล่าวคืนให้แก่ผู้เสียหาย ส่วนผู้ต้องหารายอื่นอยู่ระหว่างสืบสวนจับกุม วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดติดตามคดี จึงได้ร่วมกันนำเงินจำนวน 200,000 บาท มอบคืนให้แก่ผู้เสียหาย ตามโครงการ “MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้าคว้าเงินคืน”


กำลังโหลดความคิดเห็น