ทนายรณณรงค์ ชี้ เงิน 12 ล้าน ยังไม่จบ! แม้มีผู้แสดงตัวเป็นเจ้าของ แต่ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ คนเก็บได้ตามกฎหมายหลังครบ 1 ปี หากเป็นเงินบริสุทธิ์
วันนี้ (7 มิ.ย.) นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้ออกมาให้ความเห็นทางกฎหมายกรณีพลเมืองดีรายหนึ่งเก็บเงินสดจำนวน 12 ล้านบาทได้ และได้นำส่งให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ว่า การกระทำดังกล่าวถือว่าถูกต้องตามกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1323
นายรณณรงค์ กล่าวว่า ตาม มาตรา 132 ผู้ที่เก็บทรัพย์สินซึ่งเจ้าของทำหล่นหรือทำหายไป ต้องส่งคืนเจ้าของโดยเร็วหากทราบว่าเป็นของผู้ใด หรือหากไม่ทราบว่าเป็นของใคร จะต้องนำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจภายใน 3 วัน ซึ่งการที่พลเมืองดีนำเงินดังกล่าวส่งมอบเจ้าหน้าที่ทันทีนั้น ถือว่าเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องและเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายอย่างเคร่งครัด แต่ถ้าหากผู้ที่เก็บทรัพย์ไว้ไม่ส่งคืนหรือเก็บไว้โดยไม่มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ อาจเข้าข่ายกระทำผิดฐาน ยักยอกทรัพย์
นายรณณรงค์ กล่าวอีกว่า หากพ้นกำหนด 1 ปี นับจากวันที่มีการเก็บทรัพย์สินได้ และไม่มีบุคคลใดมาแสดงตัวเป็นเจ้าของตามกฎหมาย ผู้ที่เก็บทรัพย์สินไว้โดยสุจริตและได้ส่งมอบต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะมีสิทธิได้รับกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าวทันที ตามมาตรา 1325 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ยกเว้นกรณีที่เงินนั้นเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย เช่น ทรัพย์จากการทุจริต โบราณวัตถุ ยาเสพติด หรือเข้าข่ายฟอกเงิน กรณีเหล่านี้จะต้องอายัดไว้เป็นของกลางเพื่อรอการพิสูจน์ตามกฎหมาย หากเป็นทรัพย์สินที่ถูกกฎหมายจริง ผู้เก็บมีสิทธิ์รับมูลค่าเต็มจำนวนเมื่อครบกำหนด 1 ปี
ในกรณีที่มีบุคคลใดมาอ้างตนว่าเป็นเจ้าของเงิน แต่ไม่สามารถแสดงหลักฐานอย่างชัดเจน เช่น ใบถอนเงิน, หลักฐานการโอน, หรือพยานที่เกี่ยวข้อง ผู้ที่เก็บเงินได้มีสิทธิโต้แย้ง และไม่จำเป็นต้องคืนจนกว่าผู้แสดงตนจะสามารถพิสูจน์สิทธิได้ตามกระบวนการยุติธรรม
นอกจากนี้ ตาม มาตรา 1324 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ยังระบุว่า ผู้เก็บทรัพย์สินโดยสุจริตและส่งคืนตามกฎหมาย มีสิทธิได้รับสินน้ำใจหรือรางวัลตอบแทน โดยคิดเป็น 10% ของมูลค่าทรัพย์ หากไม่เกิน 30,000 บาท 5% ของมูลค่าทรัพย์ สำหรับส่วนที่เกิน 30,000 บาทขึ้นไป จากการประเมินเบื้องต้น หากเงิน 12 ล้านบาทเป็นทรัพย์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย พลเมืองดีรายนี้จะได้รับรางวัลตอบแทนประมาณ 600,000 บาท
ที่สำคัญคือ อย่านำเงินที่เก็บได้ไปใช้ หรือนำเข้าบัญชีตนเองโดยเด็ดขาด หากพบทรัพย์จำนวนมาก ควรแจ้งตำรวจทันที หรือให้ตำรวจเข้าตรวจสอบ ณ จุดที่พบเงิน พร้อมลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแหล่งที่มาของทรัพย์ ควรประสาน ป.ป.ส. หรือ ปปง. เข้าร่วมตรวจสอบด้วย
ทนายรณณรงค์ กล่าวทิ้งท้ายว่า พลเมืองดีที่ปฏิบัติตามกฎหมายและนำเงินส่งมอบเจ้าหน้าที่ทันที จะไม่มีความผิดทางกฎหมายใดๆ แม้เงินจะเกี่ยวข้องกับคดีอาญาหรือฟอกเงิน เพราะไม่มีเจตนาแอบแฝงหรือซ่อนเร้นใดๆ เพียงแต่จะไม่ได้รับสิทธิในทรัพย์หรือเงินรางวัล หากพิสูจน์ได้ว่าเงินดังกล่าวเป็นของผิดกฎหมายหรือมีที่มาจากอาชญากรรม