ตำรวจคุมตัว “นายแบงค์” ตัวการแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลฯ-ถอยรถทับ รปภ.เสียชีวิต ไปฝากขัง พร้อมคัดค้านประกันตัว
จากกรณีตำรวจจับกุม 6 ผู้ต้องหา บุกงัดตู้คอนเทนเนอร์ และปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นของกลางทางคดีของกรมศุลกากร ก่อนขับรถหนี แล้วถอยหลังชน รปภ.ที่ขี่รถ จยย.ไล่ตามมาจนเสียชีวิต ก่อนต่อมามีการนำผู้ต้องหา 5 คนไปฝากขังก่อนหน้านี้ เหลือนายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ ตัวการก่อเหตุที่ยังต้องสอบปากคำเพิ่มเติมนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (5 มิ.ย.) ที่ สน.ท่าเรือ พ.ต.ตนิษฐ์ กองวิบูลศิริ สว.(สอบสวน) สน.ท่าเรือพร้อมด้วย ตำรวจฝ่ายป้องกันปราบปราม นำตัวนาย นายสิทธิศักดิ์ ในข้อหาฆ่าผู้อื่น ร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ร่วมกันบุกรุกเคหสถาน ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และซ่องโจร ส่งฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พร้อมคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี
โดยระหว่างการนำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวสอบถามนายแบงค์ถึงประเด็นการขายบุหรี่ไฟฟ้าที่ขโมยมาได้นำไปขายให้ใคร นายแบงค์บอกว่าได้ให้ข้อมูลกับตำรวจไปหมดแล้ว
เมื่อถามย้ำว่า เป็นรายใหญ่ใช่หรือไม่ นายแบงค์ยืนยันว่า ได้ให้ข้อมูลกับตำรวจไปหมดแล้ว เมื่อสอบถามต่อถึงประเด็นที่มีการพาดพิงถึงนายสน และอดีตรปภ. นายแบงค์บอกว่า ไม่มีใครชี้เป้า จึงสอบถามต่อว่าไปรู้จักกันได้อย่างไร นายแบงค์บอกว่าไม่รู้จัก และยืนยันไม่มีคนชี้เป้า พร้อมยืนยันหนักแน่นว่าก่อเหตุเพียงครั้งเดียวเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้เสียใจที่มีผู้เสียชีวิต อยากไปขอขมาครอบครัวผู้เสียชีวิตหากได้รับการประกันตัว
พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 กล่าวว่า ขณะนี้ กรมศุลากร อยู่ระหว่างการตรวจสอบของกลางว่าหายไปจำนวนเท่าใด กี่รายการ คาดว่าต้องใช้เวลาในการตรวจสอบสักระยะ หลังจากนั้นกรมศุลากรจะเข้ามาแจ้งความต่อไป
มีรายงานว่า ประเด็นที่นายแบงค์ให้การว่ามีอดีต รปภ.เป็นคนชี้เป้านั้นพบเป็นเพียงคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหา แต่ตำรวจจะต้องสืบสวนข้อเท็จจริง โดยตำรวจได้ข้อมูลมาแล้วทราบเพียงชื่อเล่น อยู่ระหว่างพิสูจน์ตัวบุคคลและเรียกเข้ามาสอบปากคำ ทั้งนี้จากการซักถามผู้ต้องหาพบช่องโหว่ในการจัดเก็บรักษาของกลาง เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรมีกำลังไม่เพียงพอ จึงไปว่าจ้างคนในพื้นที่มาช่วยยกของ เก็บของ ทำให้บุคคลภายนอกนอกทราบว่าบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่เก็บของกลาง
นอกจากนี้การซักถามนายกุศล หรือสน อายุ 50 ปี ที่ถูกพาดพิงถึงนั้น เบื้องต้นยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาข้อหาเกี่ยวกับการร่วมลักทรัพย์ แต่จากการตรวจสอบพบว่านายสนมีการเสพยาเสพติด จึงดำเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติด
ทั้งนี้มีรายงานอีกว่า เมื่อวานนี้ (4 มิ.ย.) ตำรวจสน.ท่าข้าม ได้มาแจ้งข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ เนื่องจากนายแบงค์ มีคดีค้างเก่าเกี่ยวกับการปล้นทรัพย์ เมื่อปี 2565