กรมศุลกากรยอมรับเหตุแก๊งบุกปล้นยุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นความผิดพลาด จากนี้จะทบทวนพื้นที่จัดเก็บของกลางให้มีความแน่นหนา และมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
วันนี้ (4มิ.ย.) นางนันท์ฐิตา ศิริคุปต์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร เปิดเผยถึงกรณีแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้าจากตู้คอนเทเนอร์ของกรมศุลกากรที่ถูกจัดเก็บไว้ในพื้นที่ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย จนทำให้ รปภ.เสียชีวิต ว่า ขณะนี้ทางกรมศุลกากรได้มีการดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จตามระเบียบ โดยประเด็นที่มีหลายฝ่ายสงสัยจะมีเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรรู้เห็นกับเหตุการณ์หรือไม่นั้น จะต้องสอบสวนในประเด็นนี้ และประเด็นของกลางที่สูญหายก่อนหน้านี้ จะต้องรอความชัดเจนจากพนักงานสอบสวน โดยทางกรมศุลกากรก็จะต้องเข้าไปแจ้งความในฐานะผู้เสียหาย โดย 2 กรณีนี้ทางกรมศุลกากรจะทำควบคู่กันไป
ส่วนสาเหตุที่กรมศุลกากรต้องนำของกลางไปจัดเก็บในที่ของการท่าเรือแห่งประเทศไทยนั้น เนื่องจาก กรมศุลกากรมีพื้นที่จัดเก็บของกลางไม่เพียงพอ จึงได้ทำเรื่องขอใช้พื้นที่กับการท่าเรือฯ โดยได้นำตู้คอนเทเนอร์จำนวน 55 ตู้ โดยเป็นของกลางบุหรี่ไฟฟ้าจำนวน 5 ตู้ ส่วนตู้อื่นๆ เป็นตู้เก็บเอกสารสำคัญในคดี จึงไปขอพื้นที่จัดเก็บ และเนื่องจากจุดนี้เป็นพื้นที่อยู่ใกล้กับกรมศุลกากร และพื้นที่เปิดโล่ง แต่มีการล็อกตู้ที่แน่นหนา จึงเป็นการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง หากคดีสิ้นสุดจึงจะนำของกลางไปทำลาย โดยหลังจากนี้ทางกรมศุลกากรจะทบทวนพื้นที่จัดเก็บของกลางให้มีความแน่นหนา และมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ด้านเรือโทศิรรินทร์ ชัยสินอัครยศ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้าท่าเรือกรุงเทพ การท่าเรือแห่งประเทศไทย บอกว่า สถานที่ในสัญญาทางกรมศุลกากรขอใช้พื้นที่โดยมีการจ่ายค่าใช้พื้นที่ โดยขอใช้แจ้งเป็นการขอเก็บตู้เอกสารของทางราชการเป็นการชั่วคราวมีกำหนดสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568 ซึ่งสัญญามี 18 ข้อ ทั้งนี้เนื่องจากเป็นการเก็บเอกสารของทางราชการ ทำให้ทางการท่าเรือฯ มีความเลินเล่อ ไม่คิดว่าจะมีสินค้าหรือของมีค่านำไปจัดเก็บ
ทั้งนี้การจัดเก็บตู้คอนเทเนอร์ในครั้งนั้น เรือโทศิรรินทร์ ระบุว่า ตัวเองเป็นคนจัดเก็บเอง หากรู้ว่าเป็นสินค้ามีค่าจะหันตู้คอนเทเนอร์ชนกัน เพื่อปิดกั้นประตูตู้ แต่เนื่องจากพอเป็นเอกสารที่ต้องนำเข้า-ออกตลอดเวลาจึงต้องเปิดตู้บ่อย จึงจัดเรียงให้สะดวก อย่างไรก็ตามมีมาตรการป้องกันโดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยตระเวนตรวจสอบอยู่ตลอด และในวันเกิดเหตุมีผู้ใช้พื้นที่อีกส่วนหนึ่ง คือ ทีมกีฬาฟุตซอลของการท่าเรือฯ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ของการท่าเรือฯ แจ้งว่ามีบุคคลภายนอกเข้ามา จึงแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ไปตรวจสอบ
เรือโทศิรรินทร์ ยอมรับว่า พื้นที่ดังกล่าวมีความปลอดภัยไม่เพียงพอ จึงมีการพิจารณาจะมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม แม้ว่าในสัญญาจะเป็นระบุเช่าตามสภาพเพื่อใช้ประโยชน์พื้นที่ก็ตาม ทั้งนี้ไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบ โดยหลังจากนี้ให้เป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมายดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตามทรัพย์สินที่หายเป็นของกรมศุลกากร แต่ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าทรัพย์สินที่หายและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฝ่ายใดจะเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งไม่ได้เป็นการโยนหรือปฏิเสธความรับผิดชอบของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ส่วนตัวเชื่อว่าผู้กระทำความผิดมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้วเนื่องจากอยู่ในพื้นที่และเคยกระทำผิดในลักษณะเดียวกันมาก่อน และเชื่อว่าไม่มีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเนื่องจากว่าการแจ้งข้อมูลพบว่าเป็นการจัดเก็บเอกสารจึงเชื่อว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ทราบว่ามีสินค้าอยู่ แม้กระทั่งการท่าเรือฯ ก็ไม่ทราบว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นของมีค่าหรือไม่