xs
xsm
sm
md
lg

รวบยกแก๊ง 6 ทรชนบุกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง-ขับชนลุง รปภ.ดับ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



รอง ผบ.ตร.แถลงจับกุมแก๊ง 6 ผู้ต้องหาบุกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลกากร ก่อนขับรถตู้ชนลุง รปภ.ขณะเข้าสกัดเหตุเสียชีวิต

วันนี้ (3 มิ.ย.) ที่ สน.ท่าเรือ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 พ.ต.อ.ศิรณวิชญ์ อินทร ผกก.สส.บก.น.5 พ.ต.อ.อรรชวศิษฎ์ ศรีบุญยมานนท์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. พร้อมเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรและการท่าเรือแห่งประเทศไทย แถลงความคืบหน้าติดตามจับกุมผู้ต้องหา 5 ราย แก๊งทรชนก่อเหตุร่วมกันปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางของกรมศุลกากร อุกอาจถอยรถชนลุง รปภ. ขณะเข้าสกัดเหตุจนเสียชีวิตคาที่

พล.ต.อ.ประจวบ กล่าวว่า ตำรวจนครบาลได้ร่วมกับกรมศุลกากรและการท่าเรือได้ติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของสน.ท่าเรือ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้และเหลืออยู่ 1 รายถือเป็นการกระทำที่ อุกอาจท้าทายกฎหมายที่ได้ร่วมกันเข้าปล้นของกลางในพื้นที่เก็บรักษาของเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อนำไปเป็นประโยชน์ส่วนตนและมีการกระทำทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถึงแก่ความตายถือเป็นการกระทำที่เยาะเย้ยกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เร่งติดตามจับกุม บุคคลที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีทุกรายซึ่งอยู่ระหว่างติดตามอีก 1 ราย ทั้งนี้ ในช่วงสถานการณ์ปัจจุบันจากภาวะของเศรษฐกิจทำให้อาชญากรรมต่างๆเกิดมากขึ้นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจึงได้สั่งกำชับให้ตำรวจทุกพื้นที่ดำเนินการหามาตรการในการป้องกันความผิดทางอาญาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่เพื่อให้สังคมความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินซึ่งจะบังคับใช้กฎหมายด้วยความเคร่งครัดต่อผู้กระทำความผิดทุกราย

พล.ต.ต.วิทวัฒน์ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก เมื่อเวลาประมาณ 01.20 น. ของวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สน.ท่าเรือ ได้รับแจ้งเหตุว่า มีกลุ่มคนร้ายจำนวนประมาณ 6 ราย ขับรถตู้เข้ามาบริเวณโกดังสเตเดียม ถนนท่าเรือ 1 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร และลงมืองัดตู้คอนเทนเนอร์ภายในโกดัง เพื่อทำการลักทรัพย์ (บุหรี่ไฟฟ้า) โดยมี นายบุญนาค สวัสสุข เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของการท่าเรือ เป็นผู้พบเห็นเหตุการณ์ และพยายามเข้าระงับเหตุ ขณะนั้นกลุ่มคนร้ายได้พากันขึ้นรถตู้พยายามหลบหนีจากจุดเกิดเหตุ และได้ขับรถถอยพุ่งชนรถจักรยานยนต์ ของนายบุญนาค ขณะที่นายบุญนาคกำลังขับขี่ไล่ติดตามกลุ่มคนร้าย ทำให้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ นอกจากนี้คนร้ายยังได้ขับรถเฉี่ยวชนรถกระบะของประชาชนที่ขับขี่ผ่านมาในบริเวณที่เกิดเหตุส่งผลให้รถกระบะได้รับความเสียหายไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นผู้ต้องหาได้นำของกลางไปฝากไว้กับนายดิศรณ์ หรือเจ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมเพิ่ม

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บชน.เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.5 พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายสืบสวน สน.ท่าเรือ ได้ร่วมกันบูรณาการกำลังสืบสวนติดตามคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุในคดีนี้ จนทราบผู้ก่อเหตุทั้งหมดจำนวน 6 ราย โดยเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว 5 ราย ประกอบด้วย นายนรินทร์ หรือ เบิร์ด อายุ 46 ปี นายธนทร หรือ จี อายุ 41 ปี นายภียกร หรือ คิง อายุ 27 ปี นายเอกชัย หรือ เอกบอด อายุ 42 ปี และนายสุวัฒน์ หรือ เล็ก อายุ 42 ปี

ซึ่งต้องหากระทำความผิดฐาน ร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหสถาน สถานที่ราชการหรือสถานที่ที่จัดไว้เพื่อให้บริการสาธารณะที่ตนได้เข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยทำอันตรายสิ่ง กีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกัน ตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ร่วมกันบุกรุกเคหสถาน อาคารเก็บรักษาทรัพย์หรือสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่น ในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยกระทำความผิดร่วมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และซ่องโจร

ทั้งนี้ สามารถติดตามตรวจยึดรถตู้คันที่ใช้ก่อเหตุและของกลางเป็นบุหรี่ไฟฟ้าจำนวน 493 ชิ้น รวมมูลค่าประมาณ 65,820 บาท จากนายดิศรณ์ อายุ 41 ปี ซึ่งต้องหากระทำความผิดฐานรับของโจรฯ ส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าเรือ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ขณะที่ นายสิทธิศักดิ์ หรือ แบงค์ อายุ 38 ปี ผู้ต้องอีก 1 ราย ที่ยังหลบหนีอยู่ ซึ่งกระทำความผิดในข้อหาเดียวกันกับผู้ต้องหาอีก 5 ราย แต่ถูกดำเนินคดีเพิ่มอีกหนึ่งข้อหาคือ ฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดของตนหรือหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนกระทำไว้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามจับกุมอยู่ โดยเบื้องต้นมีการประสานมาจากในนายแบงค์ ในการเข้ามอบตัวแต่เราก็ยังไม่ปักใจเชื่อ ซึ่งมีการติดตามและสืบหาอยู่ เชื่อว่าตอนนี้นายแบงค์ อยู่ไม่ไกลจากบริเวณนี้

ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ให้การลักษณะเดียวกันว่า ตัวการหลักในการก่อเหตุครั้งนี้คือ นายแบงค์ ที่เป็นคนชักชวนรวบรวมทุกคนมาร่วมกันก่อเหตุ ซึ่งยังไม่มีการให้การถึงส่วนแบ่งผลประโยชน์ โดยทั้ง 5 ราย ยืนยันว่า กระทำครั้งแรก แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ ส่วนรถตู้ที่ใช้ก่อเหตุเป็นรถของนายแบงค์

สำหรับพื้นที่โกดังสเตเดียม เป็นพื้นที่เปิดปกติจะมีการแข่งฟุตซอล ซึ่งคนทั่วไปก็สามารถเข้าไปได้ โดยจุดนี้เป็นพื้นที่ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย แต่กรมศุลกากรไปเช่าพื้นที่บางส่วนเพื่อเก็บของกลางที่ตรวจยึดมาจากหลายส่วน

ส่วนจะเป็นไปได้หรือไม่ที่การก่อเหตุครั้งนี้จะมีผู้ที่ทำหน้าที่ชี้เป้า เพราะกลุ่มผู้ก่อเหตุมีการวางแผนกันเป็นขบวนการ พล.ต.ต.วิทวัฒน์ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้ตัดประเด็นทิ้ง ต้องสืบสวนต่อ

ด้าน นายเฉลิมศักดิ์ บัวแก้ว ผู้อำนวยการส่วนของกลาง กองสืบสวนปราบปราม กรมศุลกากร กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ กรมศุลกากรยังไม่เคยพบ เหตุการณ์ลักขโมยของกลาง ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก ซึ่งจากรูปการณ์ ทำให้เชื่อได้ว่าคนร้ายใช้วิธีการสุ่มเปิดตู้คอนเทนเนอร์ไปเรื่อยๆ เพราะมีการตัดกุญแจไปแล้วถึง 5 ตู้ ซึ่งพอมาเจอตู้ที่เป็นบุหรี่ไฟฟ้าที่เป็นเป้าหมายจึงลักขโมยไป แต่ขนไปได้แค่ 3 หีบห่อ แล้วมี รปภ. มาสังเกตเห็น จึงหลบหนีไป ส่วนตู้ที่เปิดก่อนหน้านี้ที่เป็นสินค้าอื่นและตู้เก็บเอกสาร คนร้ายไม่ได้เอาของกลางไป

ทั้งนี้ ในพื้นที่โกดังสเตเดียมมีการเก็บตู้คอนเทนเนอร์ของกลางทั้งหมด 55 ตู้ ในจำนวนนี้มี 5 ตู้ที่ใช้เก็บบุหรี่ไฟฟ้า โดยไม่ได้ติดป้ายหรือทำสัญลักษณ์ไว้ว่าของกลางในตู้คืออะไร โดยกลุ่มคนร้ายเปิดเจอบุหรี่ไฟฟ้าเพียง 1 ตู้ สำหรับของกลางในตู้นี้ จากเลขการผลิตบนกล่อง เชื่อได้ว่า เป็นของกลางล็อตล่าสุดที่เพิ่งนำเข้ามาจัดเก็บ

อย่างไรก็ตาม จะมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องในการชี้เป้าหรือไม่ ก็เป็นประเด็นที่ทางตำรวจจะดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อไป เพียงแต่รูปการณ์ในการก่อเหตุเบื้องต้น เชื่อว่าเป็นการสุ่มไปเรื่อย ๆ และยืนยันว่าในพื้นที่จัดเก็บของกลางนั้นมีคนดูแลตลอด ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็สะท้อนให้เห็นว่า รปภ. ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดี ยอมสละชีพเพื่อทรัพย์สินของราชการ

พล.ต.อ.ประจวบ กล่าวเสริมว่า ประเด็นว่า มีคนชี้เป้าหรือไม่ก็เป็นประเด็นที่ตนสงสัยเช่นเดียวกัน แต่พบว่ากลุ่มคนร้ายมีการสุ่มเปิดหลายตู้ หากเจาะจงเปิดตู้บุหรี่ไฟฟ้าเลย ก็จะสงสัยว่าต้องมีเจ้าหน้าที่เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่ทิ้งประเด็นนี้จะสืบสวนขยายผลต่อไป เพราะตัวนายแบงค์ พบว่า มีพฤติการณ์ในการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านช่องทางออนไลน์ และเป็นเป้าหมายที่อยู่ในการติดตามของเจ้าหน้าที่อยู่ด้วย ซึ่งตอนนี้บุหรี่ไฟฟ้าหายากขึ้นซื้อขายผ่านทางออนไลน์ไม่สะดวก อาจทำให้นายแบงค์ต้องหาช่องทางในการมาขโมยของกลาง ดังนั้น หากได้ตัวนายแบงค์ข้อเท็จจริงหลายส่วนก็คงจะปรากฏ

เวลาต่อมาเวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าเรือ ได้ควบคุมตัวนายสิทธิศักดิ์ หรือ แบงค์ อายุ 38 ปี 1 ในผู้ต้องหาเเก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นตัวการหลักในการก่อเหตุ มาสอบปากคำที่ห้องสืบสวน สน.ท่าเรือ






กำลังโหลดความคิดเห็น