MGR Online - เลขาธิการ ป.ป.ส. เผย เชิญ "ทักษิณ" ให้ความรู้หลังเคยประกาศชัยชนะสงครามยาเสพติดเกือบ 30 ปีที่แล้ว เชื่อเป็นประโยชน์ต่อองค์กร ไม่อยากโยงการเมือง
วันนี้ (26 พ.ค.) เวลา 14.30 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการ ป.ป.ส.(ดินแดง) อาคาร 2 ชั้น 4 กรุงเทพฯ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวถึงกรณี ดร.ทักษิณ ชินวัตร เข้าร่วมเป็นเกียรติกล่าว ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ มุมมอง และความท้าทาย ต่อการแก้ไขปัญหา อย่างยั่งยืน” ในการประชุมวันที่ 27 พ.ค.68 เวลา 13.40-14.20 น. ณ ห้องประชุมชิดชัย วรรณสถิตย์ อาคาร 2 ชั้น 3 สำนักงาน ป.ป.ส.(ดินแดง) ว่า ส่วนตัวในฐานะที่เป็นเลขาธิการ ป.ป.ส. และตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 12 สำนักงาน ป.ป.ส. นอกจากจะมีหน้าที่กำหนดนโยบาย หรือเป็นฝ่ายเสนาธิการให้รัฐบาลในการแถลงนโยบาย ยังมีหน้าที่ในการติดตามและประเมินผล ซึ่งการทำงานต้องมีการปรับปรุง แก้ไข พัฒนาอยู่ตลอด เนื่องจากกลไกของรัฐที่ขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นการ STOP (สต็อป) SEAL (ซีล) SAVE (เซฟ) การเอกซเรย์พื้นที่ให้ประชาชนเกิดความปลอดภัย ความสุข
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า อย่างไรก็ดี เมื่อขับเคลื่อนไปสักระยะหนึ่งหรือระยะ 6 เดือน ถามว่าต้องปรับปรุง แก้ไข พัฒนาหรือไม่ ก็ต้องทำตนเชื่อว่า ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นอกจากท่านจะเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียนแล้ว ตนยังเชื่อในองค์ความรู้ของท่าน เพราะในสมัยที่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านอายุ 51 ปี ส่วนตนเองน่าจะอายุประมาณ 29 ปี - 30 ปี ฉะนั้น ตนเชื่อว่าผู้บริหารขณะนี้ที่รุ่นเดียวกับตน ไม่ว่าจะเป็นอธิบดีหรือปลัดกระทรวง ก็อายุเท่ากับตน คงไม่มีใครรู้ดีว่าการแก้ไขปัญหายาเสพติดเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว ประเทศไทยเราสามารถแก้ไขปัญหายาเสพติดได้ แล้วเราก็ประกาศชัยชนะเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติด
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ เผยอีกว่า ในวันพรุ่งนี้ (27 พ.ค.) อดีตนายกรัฐมนตรีจะมากล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่องยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ และการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน ตนถือว่าเป็นคุณประโยชน์ ตรงนี้ตนมองในแง่การเป็นข้าราชการประจำ ถือว่าเป็นคุณประโยชน์เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และกรรมการที่อยู่ในคณะกรรมการติดตาม เร่งรัดการดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด (คณะกรรมการ ครส.) จะได้ตักตวงองค์ความรู้ซึ่งเราไม่มีโอกาสได้รู้ ว่าเมื่อ 30 ปีที่แล้วเขาแก้ไขปัญหายาเสพติดกันอย่างไร เราจะได้นำมาปรับปรุง แก้ไข พัฒนากลไกของรัฐในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในอีก 6 เดือนข้างหน้า
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ เผยต่อว่า ส่วนกรณีว่าจะมีการนำเอานโยบายประกาศสงครามยาเสพติดมาปรับใช้อย่างไรหรือไม่นั้น ตนเรียนว่ายังไม่ทราบว่าพรุ่งนี้อดีตนายกรัฐมนตรีจะพูดในเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างไร เพราะตนรู้เพียงว่าในสมัยท่านมีการประกาศสงครามยาเสพติด แต่ตนไม่รู้ว่าคำดังกล่าวในสมัยท่านและสมัยของตนเหมือนกันหรือไม่ เพราะสมัยของตนไม่ได้ใช้คำว่าประกาศสงครามยาเสพติด แต่เราใช้คำพูดเรื่องเอกซเรย์พื้นที่ จะต้องทำให้ประชาชนหรือชุมชน ลุกขึ้นมาต่อสู้กับปัญหายาเสพติด เพราะเราเห็นว่าปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาร่วมกันที่กระทบต่อความมั่นคง ดังนั้น คำพูดที่แตกต่างกันแต่เป้าหมายเหมือนกัน ดังนั้น วิธีการอาจจะแตกต่างกันก็ได้ จึงต้องลองฟังท่านดูว่าจะแนะนำหรือพูดอย่างไร เพราะเราอาจจะได้แนวคิดดีๆ
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ เผยด้วยว่า การประชุมของคณะกรรมการ ครส. ซึ่งเป็นกลไกหนึ่งของรัฐบาล โดยประธานของคณะกรรมการ คือ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ส่วนรองประธานคนที่หนึ่ง คือ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ส่วนรองประธานคนที่สอง คือ ตนเองในฐานะเลขาธิการ ป.ป.ส. ดังนั้น ดำริในการเชิญอดีตนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ ชินวัตร มาปาฐกถา เป็นในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แต่ตนในฐานะหัวหน้าหน่วยงานก็มีการทำหนังสือเชิญท่าน
“รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อาจจะเป็นผู้ไปนำเกริ่นกับท่าน ขอให้ท่านมาแสดงปาฐกถาพิเศษใหม่ ๆ ให้กับคนอย่างรุ่นของตน ซึ่งพวกเราไม่รู้ว่าเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ท่านแก้ไขปัญหายาเสพติดกันอย่างไร แต่การเชิญก็เชิญในฐานะหน่วยงาน” พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ ระบุ
เมื่อถามว่าท่ามกลางกระแสการเมืองค่อนข้างแรงในช่วงนี้ มีความกดดันหรือไม่ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ เผยว่า ตนเป็นข้าราชการประจำ ไม่มีความกดดันอะไร ขอเรียนว่า สำนักงาน ป.ป.ส. มีหน้าที่รายงานติดตามประเมินผล ซึ่งช่วงหนึ่งเราทำมาแล้ว แต่ทำแล้วก็อยากรู้ว่าสิ่งที่เราทำมา มันควรต้องปรับปรุง แก้ไข พัฒนาอะไรบ้าง ฉะนั้น การรับฟังผู้ที่มีประสบการณ์ที่เคยทำสำเร็จแล้ว และรับฟังท่าน ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าท่านจะพูดอะไรบ้าง มันอาจเกิดประโยชน์หรือแนวคิดใหม่ๆ ที่จะนำไปปรับปรุง แก้ไข พัฒนากลไกของรัฐในการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้เกิดผลสำเร็จได้
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ ระบุว่า ยืนยันว่าตนเป็นข้าราชการประจำ ไม่ได้รู้เรื่องการเมือง ตนมองว่ามันเป็นคุณประโยชน์กับตนมากกว่า ที่จะได้รับฟังแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติดในสมัย 30 ปีที่แล้วว่าท่านแก้ไขอย่างไรจึงประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ ท่านคอนเฟิร์มว่าจะมาปาฐกถาแน่นอน ตนยืนยันได้
เมื่อถามว่าในสมัยนั้นมีการแก้ไขปัญหายาเสพติดด้วยการตัดตอน พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ เผยว่า ตนเห็นว่ามีแต่พูดกันว่ามีการตัดตอน ตนก็ไม่รู้ว่าท่านทำอย่างไร ตนยังอายุเพียง 29-30 ปีเท่านั้น ยังเด็กอยู่ ตนเชื่อว่าอธิบดีและปลัดกระทรวงหลายท่านมาร่วมก็คงไม่รู้ เพราะเราเคยได้ยินแต่ว่าใช้ประกาศสงคราม ตัดตอน เราอยากฟังจากปากท่านว่าจริงๆ แล้วท่านแก้ยังไง ทั้งนี้ ท่านเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ท่านเป็นนายกฯ ที่ตนขอใช้คำพูดนี้เลยว่า “สามารถประกาศชัยชนะกับสงครามยาเสพติดได้” คงต้องมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้น ดังนั้น อะไรฟังแล้วไม่ดี ฝ่าฝืนกฎหมาย เราก็ไม่ทำ
ต่อข้อถามว่าเช่นนี้มีการมองกันว่าเหมือนที่ประชุมของคณะกรรมการ ครส. เปิดเวทีพื้นที่ให้ ดร.ทักษิณ ได้มาชี้แจงตัวเองถึงผลการทำในอดีตหรือไม่ ทั้งกรณีการตัดตอน หรือการประกาศสงครามยาเสพติด พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ ระบุว่า ตนมองว่าอย่าไปคิดแทนท่านเลย เพราะตนก็ยังไม่รู้ว่าท่านจะพูดเรื่องอะไร เอาหัวข้อแค่เรื่องยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติฯ
ต่อข้อถามว่ามีฟีดแบคเหตุใดต้องเป็นคนนี้ ไม่เป็นคนอื่น พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า เราทราบอยู่แล้วว่าท่านเป็นนายกฯ ในสมัยที่สามารถแก้ไขปัญหายาเสพติดได้ พอประชาชนในยุคของตน หรือยุคเจนเอ็กซ์ (Gen X) หรือเจนเบบี้บูมเมอร์ (Babyboomer) ถ้าพูดถึงบุคคลที่แก้ไขปัญหายาเสพติดได้สำเร็จ ทุกคนก็นึกถึงท่าน ดร.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งนั้น ส่วนตัวแม้ตนไม่เคยเจอท่านและไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่ท่านจะมาพูด ก็น่ารับฟัง ลองเปิดใจฟัง
เมื่อถามว่าในฐานะที่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร คือบุคคลที่ประสบความสำเร็จเรื่องแก้ไขปัญหายาเสพติด เช่นนี้มีแนวโน้มว่าจะเรียนเชิญมาเป็นที่ปรึกษา หรือเป็นกรรมการในบอร์ดหรือไม่ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ รีบปฏิเสธด้วยความถ่อมตน ว่า ตนมิบังอาจเชิญท่านมาเป็นที่ปรึกษา ฟังท่าน ให้ท่านมาให้คำแนะนำ ก็คงจะได้แนวคิดพอสมควรแล้ว