จ่อขอศาลออกหมายจับ "หมอเตย-พ.จ.อ.สามี" ฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานหลังพบเป็นหน้าสื่อเก็บเงินส่งตรง"ทิดแย้ม"เผยวัดอู้ฟู่รายรับหลายทาง แค่เงินหยอดตู้บริจาควันละ 5 หมื่น-1 ล้าน ค่าแผงขายของงานวัดครั้งละหลายสิบล้าน
วันนี้ (19 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการนำกำลังลงพื้นที่ วัดไร่ขิง จ.นครปฐม ของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. และ เจ้าหน้าที่ ปปท. อีกครั้งในวันนี้ ก็เพื่อตรวจสอบบัญชีการเงินต่าง ๆ ของวัดอย่างละเอียด เพื่อนำมาวิเคราะห์ว่าในแต่ละวันวัดจะมีเงินรายรับเข้ามาประมาณเท่าใด และ มีรายจ่าย ที่เป็นค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง โดยมีการเชิญผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาซักถามชี้แจงข้อเท็จจริง
จากการตรวจสอบในวันนี้เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบว่า การบริหารจัดการบัญชีธนาคารต่าง ๆ ของวัดไม่เป็นระบบที่แน่ชัด ทั้งยังถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วน ซึ่งการบริหารจัดการเงินของแต่ละส่วนจะไม่เกี่ยวข้องกัน หรือ เชื่อมโยงกัน ทำให้ยากต่อการตรวจสอบว่าบัญชีธนาคารของวัดมีทั้งหมดกี่บัญชี จึงจำเป็นต้องประสานธนาคารต่าง ๆ มาร่วมตรวจสอบข้อมูล
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้กระจายกำลังเดินสำรวจตรวจสอบยอดจำนวนตู้บริจาคที่ตั้งอยู่ภายในพื้นที่วัดทั้งหมด เบื้องต้นพบว่ามีด้วยกัน 185 ตู้ ในช่วงวันปกติ ทางวัดจะมีเงินรายได้จากการหยอดตู้บริจาคของผู้ใจบุญ รวมไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท ต่อวัน แต่ถ้าหากเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ หรือ วันพระใหญ่ ที่มีผู้คน นักท่องเที่ยว เข้าวัดเป็นจำนวนมาก ยอดเงินบริจาคในตู้จะมียอดสูงกว่าวันปกติหลายเท่า บางวันได้มากถึงหลักล้านบาทเลยทีเดียว
ขณะที่ในส่วนของความคืบหน้าเกี่ยวกับการขยายผลเอาผิดผู้ร่วมกระทำผิดคนอื่น ๆ เพิ่มเติม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีอยู่ระหว่างพิจารณาพยานหลักฐานเกี่ยวกับพฤติกรรมของบุคคลใกล้ชิด นายแย้ม อดีตเจ้าอาวาส บางราย โดยเฉพาะ หมอเตย และ พ.จ.อ. สองสามีภรรยา ที่เชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสนับสนุน ทิดแย้ม ยักยอกเงินวัด
โดยจากแนวทางสืบสวนพบว่า หมอเตย และ พ.จ.อ.สามี ถือเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลต่อการบริหารจัดการวัดเป็นอย่างมาก รวมถึงยังเป็นคนที่ทำหน้าที่เก็บเงินค่าเช่าร้านค้างานวัดงานประจำปีต่าง ๆ ของวัดไร่ขิง อีกทั้งรถยนต์ของวัดยังมีชื่อของ พ.จ.อ. เป็นผู้ครอบครองจำนวนหลายคัน
ทั้งนี้สาเหตุสำคัญที่ทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าบุคคลทั้งสองน่าจะมีส่วนเกี่ยวกับ นายแย้ม ในการยักยอกเงินวัดนั้น เนื่องจากมีการตรวจสอบพบว่า หมอเตย และ พ.จ.อ. เคยนำเงินสด ที่เป็นเงินรายได้จากการเก็บค่าเช่าร้านค้างานประจำปีของวัด ไปส่งมอบให้กับ นายแย้ม อดีต เจ้าอาวาส ภายในกุฏิ แต่ภายหลังกลับปรากฎว่าเงินค่าเช่าที่ดังกล่าวไม่ได้ถูกนำเข้าสู่ระบบบัญชีธนาคารของวัดแต่อย่างใด
ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยายานหลักฐาน ก่อนนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีคณะใหญ่ เพื่อร่วมกันพิจารณาข้อเท็จจริง หากพบว่ามีการกระทำผิดแน่ชัด ก็จะเร่งดำเนินการขอศาลออกหมายจับฐาน "เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐาน เจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อหรือการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบังหรือทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน , เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยทุจริต"ต่อไป