ศาลอาญาอนุญาตฝากขัง “พลเดช” กก.บริษัทก่อสร้าง ก๊วนผู้ต้องหา ตึก สตง.ถล่มเพิ่มอีก 1 ราย ด้านตำรวจค้านประกัน เหตุโทษสูง กลัวหลบหนี ภายหลังผู้ต้องหายื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัว แต่ศาลพิจารณาแล้วไม่อนุญาต ยกคำร้อง
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (19 พ.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ คุมตัว นายพลเดช เทอดพิทักษ์วานิช อายุ 56 ปี 1 ใน 17 ผู้ต้องหาคดีอาคารตึก สตง.ถล่ม มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 9 วัน
คำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่าเมื่อวันที่ 28 มี.ค.2568 เวลาประมาณ 13.20 น.ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวส่งผลทำให้อาคารก่อสร้าง สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่).บริเวณถนนกำแพงเพชร. 2 แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร มีความสูง 31 ชั้นทรุดตัวถล่มลงมา เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และ เสียชีวิตจำนวนมาก
คดีนี้ มีกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นผู้กระทำความผิดแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ซึ่งเป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบควบคุมหรือทำการก่อสร้าง ซ่อมแชมหรือรื้อถอน อาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใด ๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือ วิธีการอันพึงกระทำ มีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องและเป็นผู้กระทำความผิด ดังนี้ กลุ่มบริษัทผู้ออกแบบ กลุ่มบริษัทผู้รับจ้างควบคุมการก่อสร้าง กลุ่มบริษัทผู้รับจ้างการก่อสร้าง
โดยนายพลเดชผู้ต้องหา เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพัน ของ บริษัท ว และสหาย หนึ่งใน กลุ่มกิจการร่วมค้า PKW ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทผู้รับจ้างควบคุมการก่อสร้าง แต่จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนแล้วพบว่าในการออกแบบแปลนอาคารที่เกิดเหตุไม่เป็นไปตามมาตรฐานการดำเนินการก่อสร้างก็พบว่ามีการใช้วัสดุที่ต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ในแบบแปลนซึ่งการดำเนินการที่ต่ำกว่ามาตรฐานของผู้ดำเนินการก่อสร้างต้องเกิดจากการทำหน้าที่ของผู้ควบคุมงานที่ไม่ควบคุมดูแลการก่อสร้างให้เป็นไปตามแบบแปลนและมีการแอบอ้างชื่อ วิศวกรที่ไม่ได้มาทำหน้าที่ควบคุมงานจริง ประกอบกับหลายปัจจัยเป็นสาเหตุให้อาคารที่เกิดเหตุถล่มจนมีผู้ถึงแก่ความตายผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและสูญหายจำนวนมากการกระทำของผู้ต้องหาจึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือวิธีการอันพึงกระทำการนั้นนั้นในวิชาชีพตน
ต่อมาในวันที่ 19 พ.ค. ก่อนทำการจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนชุดจับกุมได้รับการประสานมาว่า นายพลเดช ผู้ต้องหามีความประสงค์จะเข้ามอบตัวที่ สน.บางซื่อ หลังจากที่ทราบว่าตนเองมีหมายจับ ต่อมาผู้ต้องหาได้มาแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน ที่ สน.บางซื่อ จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
การกระทำของผู้ต้องหาเป็นกระทำความผิดฐาน เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ซ่อมแซมหรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือวิธีการอันพึงกระทำการนั้น ๆ โดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย และร่วมกันปลอมเอกสารและใช้ เอกสารปลอม อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277,238 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264,268,83
ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยพนักงานสอบสวนและผู้เสียหายคัดค้านการปล่อยชั่วคราว เนื่องจากพนักงานสอบสวนยังทำการสอบสวนไม่เสร็จสิ้นต้องสอบสวนพยานอีก 15 ปากรอผลการตรวจพิสูจน์ของกลางรอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติต้องโทษของผู้ต้องหาด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงขอออกหมายขังผู้ต้องหาระหว่างสอบสวนกำหนด 9 วัน ตั้งแต่ 19 พ.ค. -27 พ.ค. 68 อีกทั้งเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง เกรงว่าหากให้ผู้ต้องหาประกันตัวไปผู้ต้องหาอาจจะหลบหนีและยากแก่การติดตามตัวมาดำเนินคดีในภายหลัง
ศาลพิจารณาคำร้องฝากขังแล้ว อนุญาตให้ฝากขังได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในส่วนผํ้ต้องหาอีกคนคือนางประณีต แสงอลังการ ที่เดินทางมามอบตัวในฐานะนิติบุคคล บริษัท ว. และสหาย คอนซัลแตนส์ จำกัด หลังจากเข้าพบพนักงานสอบสวนและรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ตำรวจได้ปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นสอบสวน
ขณะที่นายพลเดช ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอประกันตัว แต่ศาลพิจารณาแล้วไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว
ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คดีมีอัตราโทษสูง ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกัน กรณีมีเหตุผลอันสมควรจะรอผลการสอบสวนให้เสร็จสิ้นก่อนแล้วค่อยพิจารณามีคำสั่งโดยละเอียดรอบคอบต่อไป ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง
ต่อมาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวนายพลเดช ไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร