ตำรวจ ปคม. ขยายผลคดีจับยาบ้า 6 ล้านเม็ด ไอซ์ 30 กิโลฯ ก่อนบุกรวบนักบริหารบัญชีให้แก๊งยานรกข้ามชาติรายใหญ่ หลังหนีกบดานเมืองสุพรรณ พบเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 120 ล้านบาท
วันนี้ (8 พ.ค.) พล.ต.ต.ทรงกลด เกริกกฤตยา ผบก.ปคม. สั่งการ พ.ต.อ.ศราวุธ จันต๊ะวงค์ ผกก.3 บก.ปคม. พ.ต.ท.ธีรโชติ นุ่นสพ สว.กก.3 บก.ปคม. นำกำลังจับกุม นายธนกิตติ์ อายุ 61 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ข้อหา “สนับสนุนช่วยเหลือผู้ค้ายาเสพติดให้โทษประเภท 1 และ สมคบฟอกเงิน” จำนวน 2 หมายจับ รวมถึงเป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ ตามหมายจับ ประจำปี 2568 ลำดับที่ 146 ของสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ได้ในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี
ทั้งนี้เมื่อกลางปี 66 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาลักลอบขนยาเสพติดจากเครือข่ายภาคเหนือ มาส่งให้กับเอเย่นต์รายย่อยในพื้นที่ภาคกลาง พร้อมตรวจยึดของกลางยาบ้ากว่า 6 ล้านเม็ด และยาไอซ์ อีกกว่า 30 กิโลกรัม ก่อนขยายผลทราบว่า มีการทำกันเป็นขบวนใหญ่แบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน ตั้งแต่นายทุน คนประสานงาน คนบริหารจัดการเงิน คนขนยา
นอกจากนี้ยังพบอีกว่าเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าว เคยลักลอบขนมาแล้วจำนวน 5 ครั้ง ก่อนจะมาถูกจับในครั้งที่ 6 เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก่อนสามารถตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้แล้วบางส่วน กระทั่งสืบทราบว่า นายธนกิตติ์ ผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ ปัจจุบันได้หนีกลับมากบดานซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี หลังหนีไปซ่อนตัวอยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านมานานกว่า 1 ปี จึงนำกำลังไปดักจับกุมตัวได้ดังกล่าว
สอบสวน นายธนกิตติ์ ให้การปฏิเสธ แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากแนวทางสืบสวนพบว่า นายธนกิตติ์ ผู้ต้องหารายนี้ทำหน้าที่เป็นคนบริหารบัญชี จัดการเงิน โอนเงินจ่ายค่าจ้างให้คนขนยา รวมถึงจัดการเงินที่ได้จากการค้ายาทั้งหมด ทั้งกดเงินสด โอนเงินไปให้หัวหน้าขบวนการ หรือ เป็นคนขนเงินสดข้ามพรมแดนไปส่งให้ผู้ว่าจ้างฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งจากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ยังพบว่ามีเงินจากการค้ายาเสพติดหมุนเวียนอยู่ในบัญชีกว่า 120 ล้านบาท จึงนำตัวส่ง สภ.ช้างเผือก ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
